สื่อเชิงสืบสวนสอบสวน "Project" (Proekt) ที่ถูกปิดกั้นในรัสเซีย รายงานว่าศัลยแพทย์เยฟเกนี เซลิวานอฟ แห่งโรงพยาบาล "เซ็นทรัล คลินิคัล" (Central Clinical Hospital) ในกรุงมอสโคว์ ได้เดินทางไปพบประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่บ้านพักตากอากาศในเมืองโซชิริมทะเลดำ ไม่ต่ำกว่า 35 ครั้ง และแพทย์ผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นแพทย์เฉพาะทางที่ได้รับการยอมรับนับถือในเรื่องการวินิจฉัย การผ่าตัดรักษาผู้ป่วยสูงอายุ และผู้สูงอายุที่เป็นมะเร็งต่อมไทรอยด์ ซึ่งสนับสนุนทฤษฎีเมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ว่าปูตินประกาศสงครามกับยูเครนในขณะที่เขาปิดบังปัญหาทางการแพทย์จากประชาชนชาวรัสเซีย โดยหนึ่งในทฤษฎีที่แพร่สะพัดอยู่ในขณะนี้ระบุว่า ปูตินกำลังรักษาตัวด้วยสเตียรอยด์ ทำให้ใบหน้าและคอของเขาบวม
รายงานของ "Project" ระบุว่า ปูตินซึ่งจะมีอายุครบ 70 ปี ในเดือนตุลาคม มีคณะแพทย์ติดตามตัวตลอด โดยเฉพาะที่โซชิบ้านพักตากอากาศที่ปูตินโปรดปราน ซึ่งนอกจากจะมีผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งต่อมไทรอยด์แล้ว ยังมีศัลยแพทย์ระบบประสาทรวมอยู่ด้วย รายงานระบุด้วยว่าเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่า ตลอดการปกครองประเทศที่ยาวนาน 23 ปีของปูติน เขาสนใจแต่เรื่องของภูมิศาสตร์เท่านั้น แต่ความจริงที่แอบแฝงคือยังมีสิ่งที่เขาวิตกกังวลอยู่ตลอดเวลา นั่นคือสุขภาพและโรคร้ายอย่าง "มะเร็งต่อมไทรอยด์"
รายงานระบุอีกว่าเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2563 ปูตินได้พบว่า อิวาน เดดอฟ หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แห่งชาติด้านต่อมไร้ท่อ (National Medical Research Center for Endocrinology) ซึ่งเป็นหัวหน้าของ "มาเรีย" ลูกสาวคนโตของปูติน ซี่งเดดอฟบอกปูตินว่าความชุกของมะเร็งต่อมไทรอยด์อยู่ในระดับสูง และพูดถึงยาฮอร์โมนตัวใหม่ที่มีชื่อว่า "ไทโรจิน" (Tyrogin) ที่ต่อสู้กับการแพร่กระจายของมะเร็งหลังการผ่าตัด ซึ่งปูตินได้ถามถึงการฟื้นตัวที่สูงถึง 95-98% และเดดอฟได้ยืนยันให้เขามั่นใจ
การปลีกตัวเพื่อเข้ารับการรักษาอาการป่วยของเขา มักจะใช้จังหวะที่คนทั่วไปจะไม่ผิดสังเกต เช่น เขาประกาศกักตัวโดยอ้างว่าเพราะมีคนรอบข้างติดเชื้อโควิด-19 ที่จริงปูตินยังมีแพทย์ที่เชี่ยวชาญสาขาอื่น ๆ อีกอย่างน้อย 5 คน ที่คอยติดตามเขา เช่น ดร.ดมิทรี่ เวอร์โบวอย ที่เชี่ยวชาญด้านพิษ อาการป่วยและอาการบาดเจ็บ และดร. คอนสแตนติน ซิม ผู้เชี่ยวชาญด้านอาการบาดเจ็บที่กระดูก ที่เป็นไปได้ว่าคอยช่วยดูแลปูตินจากอาการบาดเจ็บจากการเล่นฮอกกีน้ำแข็ง