นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า โรคปวดศีรษะไมเกรน หรือโรคลมปะกัง เป็นกลุ่มอาการปวดศีรษะเรื้อรังที่พบได้ทั่วไปในคนทุกวัย พบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 3.5 เท่า แม้เป็นโรคที่ไม่มีอันตรายร้ายแรง แต่สร้างความรำคาญและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
สำหรับอาการของของโรค ส่วนใหญ่มักจะมีอาการปวดศีรษะตุบๆ เข้ากับจังหวะการเต้นของหัวใจ บริเวณขมับข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจปวดพร้อมกันทั้งสองข้างก็ได้ บางรายอาจมีอาการปวด รอบกระบอกตา มีอาการตาพร่ามัวร่วมด้วย โดยอาการปวดจะกินเวลาประมาณ 4-72 ชั่วโมง
นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า สาเหตุการเกิดโรคนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ผู้ป่วยมักจะให้ประวัติว่ามีสิ่งที่มากระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น การมีแสงจ้าเข้าตา การใช้สายตาเพ่งดูอะไรนานๆ การอยู่ในที่ ที่มีเสียงดัง กลิ่นฉุน การรับประทานอาหารบางประเภท เช่น ช็อกโกแลต เหล้า เบียร์ ฯ การพักผ่อน ไม่เพียงพอ หรืออิทธิพลของฮอร์โมน และอื่นๆ
แนวทางของการแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนไทยจะพิจารณาการรักษาด้วยการนวดไทยแบบราชสำนัก ซึ่งเป็นการนวดรักษาโรคเฉพาะจุด และประคบความร้อนด้วย ลูกประคบสมุนไพร พร้อมกับพิจารณาการจ่ายยาหอม ซึ่งเป็นยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ
ทั้งนี้ การนวดจะช่วยคลายกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ และกล้ามเนื้อรอบๆศีรษะ ช่วยให้เลือดไปเลี้ยงศีรษะมากขึ้น และช่วยปรับระบบการไหลเวียนของเลือดลมภายในร่างกาย ส่วนการประคบสมุนไพรจะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการนวดในการคลายกล้ามเนื้อ และกลิ่นของสมุนไพร จะช่วยคลายความเครียด คลายความกังวล
“จากการศึกษาวิจัยพบว่าการนวดไทยสามารถบรรเทาอาการปวดศีรษะของผู้ป่วยไมเกรนให้ลดลงได้ โดยพบว่าระดับอาการปวดศีรษะลดลง และองศาการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อต้นคอและท้ายทอยนั้นดีขึ้น ซึ่งทำให้ประชาชนสามารถมั่นใจได้ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ในการรักษาโรคปวดศีรษะไมเกรน ด้วยศาสตร์การแพทย์แผนไทย” นพ.ขวัญชัย กล่าว
นอกจากการแพทย์แผนไทยแล้ว การฝังเข็ม เป็นทางเลือกการรักษาที่สามารถรักษาโรคไมเกรนได้ ซึ่งหากเข้ารับการรักษา แพทย์แผนจีน จะมีการวิเคราะห์อาการปวดศีรษะ และซักถามอาการเพื่อหาความผิดปกติภายในร่างกายว่าเกิดจากลม ความเย็น ความชื้นในร่างกาย หรืออาจเกิดจาก อารมณ์แปรปรวน หรืออาจเกิดจากลมปราณและเลือดพร่อง ทํางานหนักหรือเครียดเกินไป เป็นต้น