ย้อนไปดูข้อสงสัยของสังคม 5 ข้อ จากกรณีที่เรียกกันว่า “วัคซีนตั๋วทอน” โดยข้อสงสัย 5 ข้อประกอบด้วย
คุณธนาธรถูกคนในสังคมบางส่วนมองว่า เป็นผู้ที่ออกมาด้อยค่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยเฉพาะล็อตที่ผลิตจาก สยามไบโอไซเอนซ์ เหตุใดจึงยอมฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้ และที่ผลิตจากสยามไบโอไซเอนซ์ ที่สำคัญหลังจากนั้นเหตุใดจึงไม่รณรงค์ให้ประชาชนไปรับวัคซีน หรือพูดข้อมูลที่เป็นบวกกับการฉีดวัคซีน (เพราะตัวเองก็ฉีดแล้ว)
ข้อมูลของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่ทำงานอยู่ในช่วงที่คุณธนาธรไปฉีดวัคซีน แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำงานที่โรงพยาบาลนี้แล้ว
1. ช่วงนั้นจะมีวัคซีนเหลือจากโควต้าที่เตรียมไว้ฉีดกลุ่มเป้าหมายวันต่อวัน สาเหตุเพราะกลุ่มผู้สูงอายุ หรือคนแก่ ยังไม่กล้าฉีด เนื่องจากไม่มั่นใจความปลอดภัย ทำให้มีวัคซีนเหลือ
2. ทางโรงพยาบาลต้องการกระจายวัคซีนออกไปมากที่สุด โดยจะแจ้งไปยังคนใกล้ตัวหรือเพื่อนๆ ว่ามีวัคซีนเหลือ แต่ต้องรอยืนยันหลัง 16.00 น. หรือ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป จึงจะทราบว่าวัคซีนเหลือหรือไม่ และเหลือเท่าไหร่ หากมีเหลือก็จะแจ้งให้เป้าหมายคนใกล้ตัวมารับวัคซีน (อดีตเจ้าหน้าที่ที่ให้ข้อมูล ไม่ได้บอกชัดว่า กลุ่มคนใกล้ตัว จำเป็นต้องเป็นคนในพื้นที่อำเภอพระสมุทรเจดีย์หรือไม่ หรือพื้นที่อื่นก็ได้)
3. วันที่คุณธนาธรได้ฉีดวัคซีน มีวัคซีนเหลือ จึงมีการแจ้งไปยังเพื่อนของคนในโรงพยาบาลที่แจ้งขอมาก่อนหน้านี้ ทางเพื่อนก็ให้เบอร์เลขาฯของคุณธนาธรมา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร และได้โทรไปแจ้งว่าวันนี้มาทันหรือไม่ ต้องมาให้ทันก่อน 2 ทุ่ม เพราะถ้ามาไม่ทันก็จะให้คนอื่นไป ทางเลขาฯคุณธนาธร (ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบว่าเป็นคุณธนาธร) ก็แจ้งว่าทันแน่นอน เพราะอยู่ กทม.นี่เอง (จากคำชี้แจงนี้ แปลว่าอยู่นอกพื้นที่สมุทรปราการก็รับวัคซีนท่ีเหลือนี้ได้ ส่วนจะถือว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือไม่ ต้องพิจารณากันต่อไป)
4. เมื่อถึงเวลาประมาณทุ่มกว่าๆ คุณธนาธรก็มา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ตกใจว่าเป็นคุณธนาธร
มีรายงานเพิ่มเติมว่า พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่ต้อนรับและฉีดวัคซีนให้คุณธนาธร ไม่ได้มีทัศนคติเป็นลบกับคุณธนาธร ประกอบกับด้วยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบคนไข้หรือกลุ่มเสี่ยงทุกคน จึงไม่ได้ไล่กลับหรือเชิญกลับ ได้ตัดสินใจฉีดให้ตามปกติ และลงทะเบียนในระบบหมอพร้อม ชื่อขอบคุณธนาธรจึงปรากฏเป็นประวัติในหมอพร้อม และเมื่อถึงเวลาต้องฉีดเข็มสอง ก็มีการแจ้งนัดไป แต่คุณธนาธรก็ไม่ได้มารับเข็มสองที่โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ฯ
ข้อมูลนี้สอดคล้องกับทีมสาธารณสุขระดับจังหวัดที่รับทราบเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่ต้น สรุปว่า
1. เครือข่ายของคุณธนาธร สามารถจัดให้ฉีดวัคซีนได้ในเขตอำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพราะมีโรงงานและคนรู้จักมาก เนื่องจากประกอบธุรกิจในพื้นที่มานาน แต่ทางผู้เกี่ยวข้องไม่เลือกให้ฉีดในพื้นที่บางพลี เพราะเกรงจะเป็นข่าวดัง
2. มีการติดต่อไปที่โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์ฯ โดยให้ทีมงานแจ้งไปทางผู้ใหญ่ในพื้นที่ ให้แจ้งไปที่โรงพยาบาลว่า จะมี “วีไอพี” ไปฉีด 1 คน แต่ไม่บอกว่าเป็นใคร เมื่อไปถึง หมอ พยาบาล ก็รู้สึกอึ้ง (เพราะข่าววิจารณ์วัคซีนตอนนั้นแรงมาก) แต่ก็ต้องฉีดให้
มีข้อมูลเสริมจากเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลที่ยังทำงานอยู่จนถึงปัจจุบัน ระบุว่า
1.แต่ละวันมีวัคซีนเหลือจำนวนมากจริง เป็นวัคซีนที่เหลือค้างในขวดที่เปิดฉีดแล้ว ทางโรงพยาบาลจึงใช้วิธีโทรตามผู้ที่ลงทะเบียนไว้ให้รีบมาฉีด เพราะวัคซีนที่ดูดจากขวดเกิน 6 ชั่วโมง ประสิทธิภาพจะลดลง
2.กลุ่มเป้าหมายบางรายแจ้งกลับมาว่า ไม่มีความพร้อม ทั้งด้านร่างกาย พักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่สะดวกเดินทางช่วงเวลานั้น จึงบอกปฏิเสธและขอเลื่อนวันฉีดออกไป เป็นจังหวะเดียวกันกับทีมงานของคุณธนาธรโทรมาสอบถาม ติดต่อลงทะเบียนกับทางโรงพยาบาล เมื่อมีวัคซีนเหลือจึงได้ฉีดทันที
3.การฉีดในเวลา 19.15 น. ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบางรายที่ทางโรงพยาบาลโทรตาม กว่าจะเดินทางมาถึง กว่าจะพร้อมฉีด บางวันเวลาล่วงเลยถึง 21.00 น. ฉะนั้นเรื่องเวลาถือว่าปกติ
4.คุณธนาธรทำงานในเขตสมุทรปราการ ย่อมมีสิทธิ์ได้รับวัคซีนเหมือนบุคคลอื่นๆ
5.บุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลพระสมุทรเจดีย์สวาทยานนท์ ไม่รู้จักคุณธนาธรเป็นการส่วนตัว และไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะเดินทางมาฉีดวัคซีน เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นความบังเอิญ