ถือเป็นมวยทุกคู่ ที่ออกมาปะทะกันทีไร มักจะมีประเด็นดราม่าในโลกโซเชียลตามมาเสมอ สำหรับ “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง และอดีตพี่ชายคนเคยสนิท ซึ่งเป็นประธานชมรมแห่งหนึ่ง
โดยก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ทาง “ทนายตั้ม” เพิ่งจะโพสต์ถึงอดีตพี่ชายคนสนิท หลังจากชนะคดีอีกฝ่าย กรณีถูกใส่ร้าย “วิ่งเต้นอัยการ” ซึ่งศาลตัดสินให้จำคุก 2 ปี ปรับเงิน 100,000 บาท แต่เบิกความเป็นประโยชน์ ลดเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 75,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษ 2 ปีนั้น
ล่าสุด “ทนายตั้ม” โพสต์ถึงอดีตพี่ชายคนสนิทอีกครั้งว่า ลูกเพจทุกคนยังจำเคสน้องซูชิได้ไหมครับ ที่พี่ชายผมไปก้อร้อก้อติก จีบเขาจะให้เขามาหา สุดท้ายโอนเงินให้ 2,000 บาท อย่าว่าแต่มือไม่ได้จับ หน้าก็ยังไม่ได้เห็น เขาโกรธแค้นมาก เลยมั่วเอาชื่อเฟซบุ๊ก รวมถึงทะเบียนราษฎร์คนไม่เกี่ยวข้องมาลงให้ลูกหาบรุมด่า เหยื่ออธิบายยังไงก็ไม่ฟัง
“สุดท้ายมีการฟ้องร้องกัน ตอนนี้คดีตัดสินแล้วครับ เหยื่อติดต่อมาเล่าให้ฟังด้วยตนเองว่า เรื่องที่ใส่ร้ายกันไม่เป็นความจริง วันนี้ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกทะแนะอีก 18 เดือน ปรับ 160,000 บาท และชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่งอีก 200,000 บาท โทษจำคุกรอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี นับเป็นคดีที่ 2 แล้วภายในเดือนนี้ท็อปฟอร์มจริงๆ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบุคคลที่ "ทนายตั้ม" โพสต์ถึงคือ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม โดยวันนี้ (27 ธ.ค.) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีอาญาดำที่ อ.794/2562 ที่ น.ส.สุกัญญา ขำวงษ์ เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายอัจฉริยะ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา
โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างวันที่ 10-31 พ.ย.2561 นายอัจฉริยะ จำเลยได้ใช้บัญชีเพจเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็น โดยการเผยแพร่ข้อความลงบนเครือข่าย รวมถึงการนำรูปภาพใบหน้าของ น.ส.สุกัญญา ในทะเบียนราษฎร์ ไปโพสต์และกล่าวหาว่าหลอกลวงให้โอนเงิน 2,000 บาท เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายร้ายแรง อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 2 กระทง จำคุกกระทงละ 1 ปี และปรับกระทงละ 100,000 บาท
แต่ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ จึงเห็นควรลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 4 คงจำคุกกระทงละ 9 เดือน และปรับกระทงละ 75,000 บาท รวมจำคุกจำเลย 18 เดือน และปรับ 150,000 บาท ไม่ปรากฏว่า นายอัจฉริยะ จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 200,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก