ตามที่กลุ่มชาวบ้านอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านเจ๊หลี ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ออกมาร้องเรียนว่า มีการออกโฉนดที่ดินบนเกาะนุ้ยนอก หมู่ 3 ต.เกาะลันตาใหญ่ จ.กระบี่ เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษ ทั้งที่เกาะแห่งนี้ในอดีตบรรพบุรุษซึ่งเป็นชาวประมง เคยใช้พื้นที่เกาะนุ้ยนอก เป็นที่พักชั่วคราว และหลบคลื่นลมช่วงฤดูมรสุม
ชาวบ้านเกรงว่าอนาคต จะไม่สามารถเข้าไปหลบคลื่นลมฤดูมรสุมได้ และเชื่อว่ามีนายทุน เข้ามาฮุบเอาเกาะดังกล่าวไปเป็นเกาะส่วนตัว และเชื่อว่าการออกโฉนดอาจจะออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และหลังออกโฉนดมีการประกาศขายทางเฟซบุ๊กในราคาไร่ละ 20 ล้านบาท รวมทั้งเกาะ ราคา 100 ล้านบาท
ล่าสุด วันนี้ (3 ธ.ค.64) นายประกอบ มั่งคั่ง ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดกระบี่ เข้าพบนายอำเภอเกาะลันตา เพื่อขอทราบผลตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการออกโฉนดเกาะนุ้ยนอก หมู่ 3 ต.เกาะลันตาใหญ่ อ.เกาะกันตา จ.กระบี่ ได้หลักฐานว่า จากการตรวจสอบกับผู้นำท้องถิ่นและตรวจเอกสารหลักฐานแล้วนำเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ตามวิธีการทางปกครอง นายอำเภอเกาะลันตา เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบในประเด็นที่ 1 ส.ค.1 แปลงที่นำไปออกบนเกาะนุ้ยนอก มีอยู่จริง แต่เป็นส.ค.1 อยู่ที่หมู่ 4 ขณะที่เกาะนุ้ยนอก อยู่หมู่ 3 แสดงว่า ส.ค.1 บินมาออกบนเกาะ
2.การออกโฉนดที่ดินนายอำเภอได้มอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ในท้องที่ เป็นผู้รับรองแนวเขต กรณีนี้ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้มารับรองแนวเขตส.ค.1 บนเกาะนุ้ยนอก ไม่ใช่ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 แต่เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 มายืนยันรับรองแนวเขตซึ่งตามระเบียบแล้วไม่สามารถทำได้เพราะต้องเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่
สามนายอำเภอเกาะลันตาได้เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่สี่ว่าเป็นการดำเนินการโดยมิชอบตามระเบียบของฝ่ายปกครอง
นายอำเภอเกาะลันตา ได้ดำเนินการเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 ว่าเป็นการดำเนินการโดยมิชอบต่อตำแหน่งหน้าที่ ตามระเบียบของฝ่ายปกครอง และเสนอที่ดินจังหวัดกระบี่ เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
ประการที่ 4 ผลจากการสอบถามชาวบ้าน ยืนยันว่า ส.ค.1 มีอยู่จริงแต่ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการออกโฉนดบนเกาะนุ้ยนอก แสดงว่า มีส.ค.1 บินมาออกโฉนดบนเกาะนุ้ยนอก
ทั้งนี้ ในส่วนของ ป.ป.ช.กระบี่ ตั้งข้อสังเกตว่า ตามกฎหมายป.ป.ช. 2561 พบเป็นเหตุแห่งความสงสัยว่ามีการทุจริตต่อหน้าที่จึงสามารถยกเรื่องขึ้นมาพิจารณาโดยไม่ต้องมีผู้ร้องเรียน และจะเสนอเลขาธิการป.ป.ช. ต่อไป เนื่องจาก ดูศักยภาพของชาวบ้านเจ้าของส.ค.1 ไม่น่าจะมีศักยภาพขอออกโฉนดได้เอง ต้องมีกลุ่มคนทำเป็นขบวนการ