14 พฤศจิกายน 2564 เมื่อเวลา 08.30 น. นายสิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ตนได้ทราบข้อมูลจาก นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ ว่ามีข้อมูลที่อาจเรียกได้ว่า เป็นการซื้อขายตำแหน่งในกรรมาธิการ โดยเป็นการประชาสัมพันธ์ถึงพวกพ้องหรือคนที่สนใจว่า ได้รับแจ้งจาก ประธานคณะทำงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะทำงานฯ ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร มีความต้องการ สมัครบุคคลากร ครูบรรจุและอัตราจ้างหรือบุคคลที่มีความสามารถ จบปริญญาตรี หรือ ปริญญาโท สาขาประถมศึกษาหรือสาขาอื่นก็ได้ มาบรรจุเป็นกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ในตำแหน่งดังนี้ 1. กรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ประจำจังหวัดยะลา 5 คน 2.กรรมธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ประจำ จังหวัดปัตตานี 5 คน
นายสิระ กล่าวต่อว่า ข้อความข้างต้นอาจยังดูไม่ผิดสังเกต แต่เมื่อมาดูเงื่อนไขในการรับสมัคร ที่ระบุว่า หลักฐานการสมัครคือ บัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน ,วุฒิการศึกษา รูปถ่าย 1 นิ้ว และหลักฐานต่าง ๆ เช่น บัตรประกาศที่มีความสามารถ รวมถึงค่าสมัครต้องใช้เงินจำนวน 50,000 บาท นี่คือหลักฐานที่เห็นชัดว่ามีการจ่ายเงินเพื่อแลกกับตำแหน่งในกรรมาธิการใช่หรือไม่ประเด็นนี้ นายนพคุณ รัฐผไท ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ต้องตอบให้ชัดว่าได้ตรวจสอบหรือเคยทราบเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่ เหตุใดถึงปล่อยให้คนสนิทกระทำผิดกฎหมาย
นายสิระ ยังเปิดเผยต่อว่า นอกจากจะมีการซื้อขายตำแหน่งกันแล้ว ยังพบว่า ผศ.ดร.กิตติภพ สิงห์อ่อน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการการศึกษา ได้มีการออกบัตร โดยมีการใช้ตรารัฐสภาชัดเจนออกให้กับคณะทำงานของตัวเอง ที่เป็นคนกลุ่มเดียวกันในการซื้อขายตำแหน่ง โดยบัตรดังกล่าวมีการลงนามในท้ายบัตรเป็นชื่อของ ผศ.ดร.กิตติภพ ไม่ใช่ชื่อของเลขาธิการสภา หรือประธานสภาแต่อย่างใด เรื่องนี้ถือเป็นการปลอมแปลงเอกสารของทางราชการใช่หรือไม่ และการออกบัตรเช่นนี้ ถือว่าเข้าข่ายหลอกลวงประชาชนหรือไม่