จากกรณีเกิดเหตุคนร้ายบุกเดี่ยว เข้าบ้านเลขที่ 46 หมู่ 4 บ้านห้วยนางใต้ ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ใช้อาวุธมีดพร้าฟัน นายสุพรรณ แก้วเกื้อ หรือ เอียด ครู อายุ 59 ปี เป็นน้องชายของนายประพัฒน์ แก้วเกื้อ อดีตประธานสภาทนายความ จ.ตรัง พร้อมด้วย นางเพ็ญนภา อ้อยเป็น หรือหญิง อายุ 52 ปี อาชีพขายน้ำอ้อย สองสามีภรรยาเสียชีวิตในสภาพคอขาดทั้ง 2 คน เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. วันที่ 7 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมาในเวลาประมาณ 22.00 น. วันเดียวกัน (7 พ.ย. 64) พ.ต.อ.ประดิษฐ ชัยพล ผกก. ห้วยยอด สั่งการกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ห้วยยอด ร่วมกับ ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษศรีตรัง (S.W.A.T) และชุดสืบสวน ภ.จว.ตรัง กว่า 20 นาย ร่วมเข้าปิดล้อมบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ หมู่ 6 ต.ห้วยนาง อ.ห้วยยอด ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านหลังเกิดเหตุไปประมาณ 3 - 4 กม.
หลังจากสืบทราบว่าเป็นบ้านของ นายอรุณทร นิ่มนวล หรือเมี้ยก อายุ 37 ปี ไม่ประกอบอาชีพ ซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ก่อนที่นายสวาท นิ่มนวล อายุ 60 ปี ผู้เป็นพ่อ ได้นำเข้าไปจับกุมผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ภายในห้องนอน ตรวจสอบภายในบ้าน พบเสื้อผ้าเปื้อนเลือดถูกแช่น้ำอยู่ในกะละมัง มีดพร้าเปื้อนเลือด และตรวจสอบรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีน้ำเงิน ทะเบียน บจ 825 ตรัง พบว่าที่พวงมาลัยมีเลือดเปื้อนติดอยู่
นายอรุณทร หรือเมี้ยก (เสื้อขาว) เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองเสพยาบ้าไปจำนวน 2 เม็ด พร้อมกับดื่มน้ำพืชกระท่อม ก่อนจะขับรถยนต์คันดังกล่าวออกจากบ้านมาพร้อมด้วยอาวุธมีดพร้า 1 เล่ม และอาวุธมีดปลายแหลมอีก 1 เล่ม โดยตั้งใจจะมาลงมือฆ่านายสุพรรณ ก่อนจะขับรถมาจอดริมถนนก่อนถึงบ้านผู้ตาย และได้ถือมีดพร้าลงไป
เมื่อไปถึงได้เดินเข้าทางประตูข้างบ้าน ก่อนจะพบกับนางเพ็ญนภา ยืนทอดปลาเค็ม ทำอาหารเย็นอยู่ จึงได้ล็อกคอ และเหวี่ยงออกมาทางประตูข้างบ้าน ทำให้นางเพ็ญนภาล้มลงบนพื้นดินข้างบ้าน และลุกไม่ขึ้น ก่อนที่ตนจะเดินเข้าไปหานายสุพรรณ ก่อนจะพบนั่งถ่ายอุจาระอยู่ จึงได้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมแทงเข้าไปที่ชายโครงด้านซ้าย 1 แผล และชายโครงด้านขวาอีก 1 แผล ก่อนจะใช้มีดพร้าฟันเข้าที่คอ 1 ครั้งจนขาดศีรษะหลุดออกจากตัว และเดินออกมา ก่อนที่จะใช้มีดพร้าฟันเข้าที่คอของนางเพ็ญนภาที่นอนอยู่บนพื้นอีก 1 ครั้ง และขับรถหลบหนีไป โดยตอนเกิดเหตุไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกับทั้ง 2 คน
นายอรุณทร เล่าอีกว่า ตนตั้งใจที่จะลงมือฆ่านายสุพรรณ เพียงคนเดียว แต่ปรากฏว่านางเพ็ญนภา ได้เห็นหน้าตนแล้ว จึงได้ลงมือฆ่าด้วย เพราะกลัวความผิด ส่วนสาเหตุตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา นายสุพรรณ ผู้ตาย ชอบพูดจากระแหนะกระแหนตนมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตนเสพยาเสพติด หรือไม่ว่าตนจะทำอะไรก็ชอบนำไปพูดในทางไม่ดี และในทางเสียหาย
รวมทั้งกลั่นแกล้งทุกอย่าง ไม่ว่าตนจะทำอะไร ตนจึงฝังใจมาโดยตลอด จึงได้ลงมือก่อเหตุดังกล่าวขึ้นโดยตั้งใจและเตรียมการไปแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้ในเมื่อตนทำไปแล้วก็พร้อมรับโทษตามกฎหมาย และเสียใจเป็นอย่างมาก และอยากจะขอโทษญาติผู้เสียชีวิตด้วย และรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง
ด้านนายสวาท พ่อผู้ต้องหา (เสื้อฟ้า) กล่าวว่า ตนเองมีลูก 3 คน คนก่อเหตุเป็นคนที่ 2 ส่วนนายสุพรรณ ผู้ตาย ตนเองรู้จักและสนิทเป็นอย่างดี โดยมีนิสัยดี แต่พูดจาโผงผาง และไม่เคยรู้มาก่อนว่าลูกชายและนายสุพรรณมีปัญหาคาใจกันอยู่ ส่วนนิสัยของลูกชายเป็นคนฉุนเฉียว และเสพยาบ้า ดื่มน้ำกระท่อมมากว่า 10 ปีแล้ว ก่อนเกิดเหตุตนเองก็อยู่บ้าน และเห็นลูกชายเอามีดพร้าพร้อมขับรถออกไป
โดยที่ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะลูกชายจะพกมีดพร้าเล่มดังกล่าวอยู่เป็นประจำ และจะลับจนคมกริบอยู่เสมอ จนกระทั่งเมื่อลูกชายกลับมาบ้าน ได้เข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำทันที แต่ตนก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจเข้ามาที่บ้าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเสียใจเป็นอย่างมาก รู้จักกับนายสุพรรณก็เป็นคนดี ตนเองก็ได้แต่เสียใจกับครอบครัวผู้ตายด้วย
อย่างไรก็ตามนายอรุณทร ยังคงให้การวกวนอยู่ในบางประเด็น เนื่องจากฤทธิ์ของยาบ้านที่เสพไป ซึ่งยังคงต้องควบคุมตัวไว้ให้อาการดีขึ้น ทางพนักงานสอบสวนจึงจะได้สอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง และในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจปัสสาวะผู้ต้องหาพบว่าเป็นสีม่วง เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
ส่วนการจะทำแผนประกอบคำรับสารภาพหรือไม่นั้น ยังคงอยู่ในการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากหวั่นความปลอดภัยของผู้ต้องหา อาจจะถูกรุมประชาทัณฑ์หรือถูกทำร้ายได้ เนื่องจากญาติผู้เสียชีวิตโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ข่าวคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป.