7 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากนางกนกพร มีแก้ว อายุ 50 ปี ซึ่งพักอาศัยอยู่ภายในซอยวัดชมภูเวก ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ว่าตนกับมารดากำลังได้รับความเดือดร้อนรำคาญอย่างหนักจากหนุ่มเพื่อนบ้านรายหนึ่งที่ขี่รถจยย.เข้าออกซอยผ่านหน้าบ้านแล้วกดแตรส่งเสียงรบกวนทุกครั้งที่ขี่รถเข้าออกมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี จนทำให้นางสว่าง ต่อเนื่อง อายุ 85 ปี มารดาที่ป่วยเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง จนทำให้มารดาเกิดอาการขวัญผวาตกใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแตร
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บ้านพักของนางกนกพร ผู้ร้องเรียนพบว่าเป็นบ้านพักชั้นเดียวตั้งอยู่ติดปากซอย โดยหนุ่มเพื่อนบ้านคู่กรณีคือนายเก๋ (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี ซึ่งมีบ้านพักอยู่ในซอยเดียวกัน โดยนางกนกพร ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดและมือถือที่ถ่ายพฤติกรรมของนายเก๋ ขณะที่ขี่รถ จยย.เข้าออกซอยแห่งนี้ด้วยการบีบแตรส่งเสียงหลาย ๆ ครั้งทุกครั้งที่ขี่เข้าออกซอยซึ่งต้องผ่านหน้าบ้านนางกนกพรเป็นประจำทุกวัน วันละหลาย ๆ รอบ
โดยนางกนกพร กล่าวว่า ตนก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมนายเก๋ คู่กรณีจะต้องกดบีบแตรสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับครอบครัวตนด้วย ซึ่งเป็นอย่างนี้มานานเกือบ 3 ปีแล้ว แม้ว่าตนจะเคยไปพูดคุยกับแม่ของนายเก๋ ให้ช่วยตักเตือนเรื่องการบีบแตรรบกวนแล้วเพราะว่าแม่ของตนวัย 85 ปี ตอนนี้ป่วยเป็นโรคหัวใจแล้ว และยังมีโรคประจำตัวอื่นๆอีก ต้องมาสะดุ้งตกใจ เสียขวัญในแต่ละวันที่นายเก๋ บีบแตรรถ จยย.ขี่เข้าออกซอยวันละหลายสิบครั้ง แต่ก็ไม่เกิดผลอะไรกลับมาจนตนต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อบันทึกเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 64 เวลาประมาณ 13.00 น.แม่ของตนได้เดินไปซื้อของที่ร้านค้าของนางเลี่ยม (สงวนนามสกุล) อายุ 73 ปี ซึ่งเป็นมารดาของนายเก๋ เพื่อนบ้านคู่กรณี ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากบ้านผู้เสียหาย กลับถูกนายเก๋ เข้ามาตะคอกใส่และต่อว่าแม่ของตนว่าอย่ามาวุ่นวาย ทำให้แม่ของตนต้องเดินกลับเข้าบ้านมาก็ยังถูกนายเก๋ เดินตามมาต่อว่าที่หน้าบ้านอีก ทำให้ตนเองเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจึงเดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ไว้เป็นหลักฐาน
นางกนกพร กล่าวต่อว่า ครั้งนี้ตนทนไม่ไหวแล้ว ความอดทนคนมีขีดจำกัดถึงได้ไปแจ้งความ มาตะโกนด่าแม่ตนแบบในกล้องวงจรปิดเลย ตอนแรกตนไม่ทราบเรื่องพอไปดูกล้องถึงทราบ ตนเครียดมากเนื่องจากตอนนี้ตนทำงานที่บ้าน หากตนไปทำงานแบบปกติ แม่อยู่บ้านคนเดียวจะทำยังไงถ้าต้องเจอแบบนี้แล้วหัวใจวายไป ซึ่งปกติทุกวันแม่จะออกมานั่งเล่นหน้าบ้านตามประสาคนแก่ เดินออกกำลังกายบ้าง ส่วนเขาก็ขับรถเข้า-ออกและบีบแตรแบบนี้ ขนาดตนยังตกใจแล้วแม่ตนจะเป็นยังไง เป็นห่วงแม่มากไม่สบายหลายโรคด้วย ถ้าตำรวจเรียกไปคุยตนก็คุยอย่กรู้ว่าทำไปเพื่ออะไร ถ้าคุยแล้วให้จบอย่ามาทำแบบนี้อีก
ทางด้านนางสว่าง ต่อเนื่อง อายุ 85 ปี มารดาของนางกนกพร กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนก็ไม่รู้ตนว่าไปทำอะไรให้ ถึงได้มาโกรธเคืองกับครอบครัวตน ถึงต้องขี่รถจยย.ผ่านหน้าบ้านตนแล้วบีบแตรเสียงดังทุกวันมาเป็นปี ๆ ซึ่งทุกครั้งที่เขาขี่ผ่านและบีบแตรตนก็จะตกใจ ใจหาย ปวดหัว สะดุ้งทุกครั้ง เหมือนหัวใจเต้นแรง ตนอยากขอร้องให้เขาทำนิสัยใหม่ ให้ตำรวจตักเตือนอย่ามาทำความประพฤติ สร้างความเดือดร้อนแก่กันแบบนี้เลย และตนก็อยากถามเขาว่าตนกับครอบครัวไปทำอะไรจึงได้โกรธแค้นจนต้องกลั่นแกล้งกันแบบนี้
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามกับนายเก๋ คู่กรณีหนุ่มซึ่งมีบ้านพักห่างไปประมาณ 2-3 หลัง เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยนายเก๋ อายุ 41 ปี คู่กรณีกล่าวว่า เหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวานเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะอะไรกัน เรื่องบีบแตรรถตนก็บีบแค่ 2 ครั้งตอนเข้า-ออก เพราะว่าเมื่อตนรถขี่รถผ่านหน้าเขาไปจะกลายเป็นทางสามแยก ตนจึงบีบแตรเพื่อเตือนรถซ้ายขวาที่วิ่งไปมา ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานนี้แล้วแม่ของตนมาขอร้องแล้ว ตนก็รับปากให้สัญญาว่าจะไม่บีบแตรอีกแล้ว เพื่อให้ต่างฝ่ายต่างอยู่กันไปให้เรื่องมันจบ ๆ
ในเบื้องต้นหลังผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเรียกทั้งสองฝ่ายเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยเจรจา เพื่อทำข้อตกลงระหว่างกันอีกครั้งต่อไป
ข่าว/ภาพ-ศุภชัย สินธ์ประเสริฐ