ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สนั่น อังอุบลกุล กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ระบุ การเปิดประเทศและการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ การจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น ส่วนภาคการค้าปลีกมองว่าผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว ทำให้คาดการณ์ว่าภาพเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะมีความคึกคักมากขึ้น และพร้อมกับมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ทั้งนี้ เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ช่วงที่ผ่านมา เสริมด้วยมาตรการกระตุ้นของภาครัฐจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในปลายปีนี้กลับมาคึกคักมากขึ้นและต่อเนื่องไปยังปีหน้า นอกจากนี้ เชื่อว่าหากภาครัฐมีการผ่อนคลายและโปรโมตกิจกรรม เทศกาล ทั้งงานลอยกระทง และงานปีใหม่ได้ ก็จะเป็นตัวเสริมให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้นักเดินทางทั้งในและต่างประเทศ
ทั้งนี้ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นเป็นลำดับ เชื่อมั่นว่าจะขยายตัวในกรอบ 0.5- 1.5% ส่วนการส่งออก ยังคงคาดว่ามีแนวโน้มจะขยายตัว 12-14% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1-1.2% ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับภาคการผลิตยังสามารถเติบโตได้ แต่เผชิญปัญหาอุปทานตึงตัวเช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ปัญหาอุปทานตึงตัวส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ทำให้ต้องชะลอการผลิตและไม่สามารถผลิตสินค้าได้มากเท่ากับที่ตลาดต้องการ และส่งผลให้ราคาสินค้าทั้งต้นน้ำและปลายน้ำปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยดัชนีราคาผู้ผลิตสูงขึ้นราว 5% เทียบกับปีก่อนหน้า ผู้ส่งออกยังต้องเผชิญกับต้นทุนค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์และการขาดแคลนตู้ส่งสินค้า จึงต้องติดตามภาวะต้นทุนของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป