2 พฤศจิกายน 2564 ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโควิด 19 ทำให้ด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย คือด่านไทยจังโหลนยังคงปิดด่านพรมแดนสะเดาต่อไปแม้จะมีการเปิดประเทศไปแล้วเมื่อวานนี้ โดยเปิดให้บริการเข้า-ออกเฉพาะรถบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อความสะดวก รวมถึงการแยกส่วนของการให้บริการในส่วนของรถบรรทุกสินค้า ซึ่งจะทำให้ขั้นตอนในการคัดกรองโรค ทำได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนมากขึ้น
หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 5 จัดหน่วยจรยุทธ์ ลาดตระเวน คุมเข้มแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย บริเวณอ.สะเดา จ.สงขลา หลังเปิดประเทศไปแล้วเมื่อวานนี้ ถนนที่เห็นอยู่นี้ คือถนนคู่ขนานกับถนนสายหลัก จากด่านศุลกากรสะเดา มุ่งหน้าไปยังด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ซึ่งมักพบแรงงานต่างด้าวลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมายในบริเวณนี้ และใช้เส้นทางนี้ในการหลบหนี้อยู่บ่อยครั้ง
โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่ามีการลักลอบข้ามแดนในบริเวณใกล้กับด่านศุลกากรสะเดา ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 3 ครั้ง เฉลี่ยครั้งละ 14-20 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานชาวเมียนมา ที่ลักลอบเข้าไปทำงานในประเทศมาเลเซีย จนถูกทางการมาเลเซียผลักดันกลับประเทศ ทำให้แรงงานบางส่วนเลือกใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน เพื่อกลับไปยังประเทศตน โดยเลือกจุดรอยต่อระหว่างรัฐเคดาห์ ประเทศมาเลเซีย กับ อ.สะเดา จ.สงขลา ประเทศไทย เป็นจุดผ่านแดนจุดแรก เนื่องจากรั้วพรมแดนบริเวณดังกล่าว สามารถตัดเจาะได้ง่าย มีลักษณะภูมิประเทศที่เอื้อต่อการหลบซ่อน อีกทั้งยังเดินทางสะดวก เพราะใกล้เมือง และมีสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อใช้ติดต่อกับผู้นำพา
ประกอบกับนโยบายการเปิดประเทศ ที่แม้ว่าพรมแดนทางบกที่ด่านสะเดายังไม่มีการเปิดให้ข้ามประเทศได้ แต่อาจเพิ่มโอกาสให้แรงงานต่างด้าวลักลอบหนีเข้ามาทำงานเพิ่มขึ้น ดังนั้น หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 5 โดย หมวดปืนเล็กที่ 1 กองร้อยทหารราบที่ 5021 จึงคุมเข้มพื้นที่ตามแนวชายแดนเป็นระยะทางรวม 86.5 กิโลเมตร โดยจัดชุดจรยุทธ์ ชุดละ 6 คน ออกเดินลาดตระเวนตรวจตรา และซุ่มระวัง ตามจุดต่างๆ โดยเฉพาะจุดเสี่ยง 4 จุด ที่พบการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมายบ่อยครั้ง หากพบรั้วกั้นเขตแดนชำรุดจะเร่งซ่อมแซมโดยทันที และหากพบผู้กระทำความผิด เจ้าหน้าที่จะเข้าควบคุมตัวพร้อมสอบสวนโรค ก่อนเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดี รวมทั้งสืบสวนหาตัวผู้อยู่เบื้องหลัง เพื่อขยายผลจับกุมเครือข่ายการจัดหาแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายต่อไป
ภาพ/ข่าว โดย : สันติภาพ รามสูต จ.สงขลา