วันนี้ (29 ต.ค.) พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) กล่าวว่า กรณีปรากฏข่าวทางสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อโทรทัศน์ต่างๆ ว่ามีคนไทยถูกหลอกลวงและบังคับให้ทำงานผิดกฎหมายในประเทศกัมพูชา และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยราชการไทย ให้ช่วยเหลือเดินทางกลับประเทศไทยผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดียนั้น
กรณีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การช่วยเหลือเหยื่อคนไทยเป็นการเร่งด่วน พร้อมทั้งขยายผลถึงเครือข่ายผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกลุ่มองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติเหล่านี้ถือโอกาสที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจในช่วงโควิด 19 ซ้ำเติมประชาชน หลอกลวงไปบังคับใช้แรงงาน ทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ
ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวอาจเข้าข่ายการค้ามนุษย์ กระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปในสังคม ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.)
ต่อมา พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ประสานงานกับสถานทูตไทย ประจำกรุงพนมเปญ และ พล.ต.อ.วรรณวีระ สม ผู้ช่วยผบ.ตร. ผู้บัญชาการกองบัญชาการรักษาความมั่นคงภายใน ประจำประเทศกัมพูชา ช่วยเหลือคนไทยซึ่งถูกหลอกลวงกลับมาได้อย่างปลอดภัย 48 คน แบ่งเป็น จากกรุงพนมเปญ 23 คน, จากเมืองสีหนุวิลล์ 23 คน และจากเมืองเสียมเรียบ 2 คน หลังจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. ประสานงานไปยังสถานทูตไทย ประจำประเทศกัมพูชา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้การช่วยเหลือคนไทยกลุ่มนี้เป็นการด่วน
จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่าขบวนการดังกล่าวมีคนจีนเป็นหัวหน้า เคลื่อนไหวอยู่ในหลายเมืองในประเทศกัมพูชา ทั้งกรุงพนมเปญ เมืองพระสีหนุ และเมืองเสียมเรียบ โดยพฤติการณ์ จะมีการลงโฆษณารับสมัครงานบนสื่อสังคมออนไลน์เฟซบุ๊ก โดยหลอกลวงว่ามีงานในประเทศกัมพูชา จ่ายค่าตอบแทนในอัตราที่สูง เดือนละ 20,000-30,000 บาท หลังจากมีผู้หลงเชื่อมาสมัครมีการว่าจ้างขบวนการนำพาคนเดินทางเข้า-ออกประเทศโดยผิดกฎหมายทางช่องทางธรรมชาติ
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่ากลุ่มผู้เสียหายให้การว่าต้องเดินเท้าผ่านป่าตามแนวตะเข็บชายแดนข้ามไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา หลังจากนั้นจะมีรถมารับไปกักตัวที่โรงแรมแห่งหนึ่งไม่ทราบชื่อ ต่อมามีการส่งตัวต่อให้กับนายทุนชาวจีน บังคับให้ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแก๊งส่ง SMS หลอกลวงคนไทย ซึ่งมีคนไทยหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท ตามที่มีการนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ที่ถูกหลอกไป หลังจากทราบว่าไม่เป็นไปตามที่ตกลงกัน ทั้งในส่วนลักษณะงานและค่าตอบแทน จึงขอเดินทางกลับ แต่ได้ถูกนายจ้างปฏิเสธ มีการเรียกร้องเอาทรัพย์สิน กักขัง ให้อดอาหาร และขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย จึงขอความช่วยเหลือจากทางการไทย กระทั่งได้รับการช่วยเหลือกลับมาอย่างปลอดภัย
เบื้องต้น หลังจากที่คนไทยกลุ่มนี้กลับเข้ามาแล้วจะต้องเข้ากักตัวตามของมาตรการสาธารณสุข หลังจากนั้นทางตำรวจจะสอบปากคำผู้เสียหายทุกรายอย่างละเอียด เพื่อขยายผลดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมด ทั้งในส่วนของผู้ชักชวน นายหน้า ผู้นำพา พร้อมทั้งประสานกับทางการกัมพูชาเพื่อดำเนินคดีกับนายจ้างชาวจีนต่อไป ทางตร.ขอความร่วมมือสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนได้ทราบถึงพฤติการณ์ของขบวนการดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปไม่ตกเป็นเหยื่อ
นอกจากนี้หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) หรือที่ https://www.facebook.com/ antihumantraffickingpolice เพื่อให้การช่วยเหลือและดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป