นับตั้งแต่กลางเดือนกันยายนเป็นต้นมา บุคลากรของ กองกำลังป้องกันตนเองภาคพื้นดิน GSDF (Ground Self-Defense Force) ราว 100,000 นาย ยานยนต์ 20,000 คัน และเครื่องบิน 120 ลำ ได้เข้าร่วมการซ้อมรบหลากหลายทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นในเรื่องของการเตรียมความพร้อม ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ได้กลายเป็นจุดรวมของความตึงเครียด และเจ้าหน้าที่ GSDF ระบุว่าสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงรอบญี่ปุ่นเลวร้ายที่สุด นับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
พันเอกโนริโกะ โยโกตะ โฆษก GSDF ให้ความเห็นว่าการซ้อมรบของ GSDF มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสิทธิภาพของการปฏิบัติการ การป้องปรามและศักยภาพในการตอบสนอง แต่ละหน่วยจัดการซ้อมรบโดยมุ่งเน้นไปที่ความจำเป็นที่จะต้องบรรลุเป้าหมาย พวกเขาต้องเตรียมตัวเองเพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์บังคับ ที่จำเป็นต้องดำเนินมาตรการต่อไปให้ได้
เมื่อต้นสัปดาห์ เกาหลีเหนือประกาศว่าประสบความสำเร็จในการทดสอบขีนาวุธรุ่นใหม่ ที่ยิงจากเรือดำน้ำไปตกในทะเลญี่ปุ่นหรือทะเลตะวันออก ส่วน จีนก็เพิ่มการบีบคั้นไต้หวัน ด้วยการส่งเครื่องบินรบเข้าไปในเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ซึ่งแม้จะไม่ได้ระบุชื่อแต่ เจ้าหน้าที่ GSDF ก็บอกว่าเหล่าประเทศมหาอำนาจในภูมิภาค กำลังหวังจะเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่โดยใช้กำลัง โดยเฉพาะประเทศที่เดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และท้าทายสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์
มีรายงานว่าทหารกองพลที่ 2 ของ GSDF ที่มีฐานอยู่ที่เมืองอาซาฮีคาว่า ฮ็อกไกโด ได้เดินทางประมาณ 2,000 กิโลเมตร ไปยังพื้นที่ฝึกซ้อม "ฮิจูดาอิ" (Hijudai Manuvering Area) เพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบ พวกเขาใช้เวลาหลายสัปดาห์ สร้างพื้นที่ส่งกำลังบำรุงฐานบัญชาการ ตำแหน่งสนามรบ และหน่วยทดสอบใต้ดิน และพรางตาไว้ด้านบนเพื่อไม่ให้สามารถระบุได้
แม้จะไม่ได้ระบุอย่างชัดว่าเป็นการเตรียมตัว "ทำสงคราม" แต่พื้นที่ซ้อมรบที่ฮิจุดาอิ ก็มีสภาพแวดล้อมที่ทหารคุ้นเคย หากเกิดสงครามในบริเวณเกาะตอนใต้ของญี่ปุ่น ที่รวมทั้งหมู่เกาะเซ็นกากุที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย และอยู่ในทะเลจีนตะวันออก ที่ทั้งญี่ปุ่นและจีนอ้างกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของ โดยจีนเรียกว่าหมู่เกาะเตียวหยู