เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ตุลาคม 2564 นครนิวยอร์กประกาศจะหยุดให้เด็กวัย 4 ขวบทำแบบทดสอบเพื่อระบุพรสวรรค์และความสามารถ ตามโครงร่างของแผนงานที่ออกโดยแผนกการศึกษาของเมือง โดยจะยุติโครงการสำหรับนักเรียนที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถเริ่มปีการศึกษาหน้าที่จะถึงนี้
นายบิล เดอ บลาซิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะสามารถช่วยเหลือชาวนิวยอร์กอีกนับหมื่นคน แทนที่โครงการห้องเรียนพิเศษจะคัดเลือกนักเรียนเพียงไม่กี่คน ซึ่งเดิมนั้นแผนการศึกษาในระบบคัดเลือกจะรับนักเรียนเข้าโรงเรียนอนุบาลเพียง 2,500 คนต่อปีจากนักเรียน 65,000 คน “ยุคสมัยของการตัดสินเด็กวัย 4 ขวบโดยการให้เข้ารับทดสอบเพียงครั้งเดียวได้สิ้นสุดลงแล้ว” เขากล่าวในแถลงการณ์ “เด็กๆ ในนครนิวยอร์กทุกคนควรได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ และควรมีรูปแบบใหม่ที่สามารถให้โอกาสพวกเขาได้อย่างเท่าเทียมกัน”
นายกเทศมนตรีกล่าวต่อไปอีกว่านครนิวยอร์กมีโครงการจะฝึกอบรมครูอนุบาลทุกคนเพื่อให้สามารถสร้างการเรียนรู้แบบเร่งรัด โดยที่นักเรียนจะได้รับการสนับสนุนให้มีความสามารถในการใช้ทักษะขั้นสูง เช่น วิทยาการหุ่นยนต์ การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การจัดชุมชน หรือการสนับสนุนโครงการต่างๆ ขณะเรียนอยู่ในห้องเรียนปกติ โครงการนี้จะคัดกรองเด็กนักเรียนที่กำลังเข้าสู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เพื่อพิจารณาว่าพวกเขาจะสามารถมีพัฒนาการและได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้แบบเร่งรัดในวิชาต่างๆ ขณะอยู่ในห้องเรียนหรือไม่
แม้จะเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความหลากหลายมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา แต่โรงเรียนของรัฐในนครนิวยอร์กซิตี้นั้นได้รับการกล่าวขานมานานแล้วว่าเป็นระบบที่สร้างความแตกแยกมากที่สุด ระบบของโรงเรียนในโปรแกรมการสนับสนุนเด็กที่มีพรสวรรค์ (Gifted) และสนับสนุนเด็กที่มีความสามารถ (Talented) ได้รับการวิเคราะห์แล้วว่าเป็นโครงการที่ตอกย้ำถึงความไม่เท่าเทียมกันของระบบการศึกษา
ประมาณสามในสี่ของนักเรียนที่อาศัยอยู่ในนครนิวยอร์คนั้นประมาณ 16,000 คนเป็นผิวขาวหรือเป็นคนเชื้อสายเอเชีย ในขณะที่นักเรียนผิวดำและลาตินเป็นนักเรียนจำนวนที่เหลือคิดเป็นประมาณ 2 ใน 3 ของเด็กนักเรียนของรัฐ มีจำนวนมากถึง 1 ล้านคน
สมาคมผู้ปกครองก็ได้เรียกร้องให้มีการยกเลิกโครงการห้องเรียนพิเศษสำหรับเด็กที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถของเมืองตัวแทนของสมาคมกล่าวว่าการดำเนินการของนายกเทศมนตรีนั้นล่าช้าและใช้เวลานาน
นายสมิท-ทอมป์สัน ผู้ปกครองของลูกสามคนที่เรียนอยู่ในนครนิวยอร์ก ให้สัมภาษณ์ ว่า “มันยากจริงๆ เพราะนิวยอร์กเป็นเมืองใหญ่ เป็นเมืองที่มีความไม่เท่าเทียมกันมาก อีกทั้งยัง มีประวัติของความไม่เท่าเทียมกันมากมาย ในการริเริ่มเพื่อจัดตั้งระบบใหม่ๆ และสร้างระบบให้กับเด็กๆ เพื่อให้พวกเขาสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกัน การศึกษาของรัฐไม่ควรปลูกฝังเรื่องของการแข่งขัน เพราะการได้รับความรู้เป็นสิทธิที่ทุกคนควรมีควรได้รับอย่างเท่าเทียมกัน”
จากการเผยแพร่รายงานของโครงการสิทธิพลเมืองของ UCLA เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นายแกรี่ ออฟิลด์ ผู้อำนวยการโครงการสิทธิพลเมืองของ UCLA กล่าวว่า กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมานั้น ระบบของการแบ่งแยกภายในโรงเรียนสร้างความไม่เท่าเทียมกัน ทำให้นครนิวยอร์กกลายเป็นศูนย์กลางของการแบ่งแยกทางเชื้อชาติในโรงเรียนที่ไม่เท่าเทียมกัน
นักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียบางคนต่อต้านการยกเลิกโครงการนี้โดยอ้างว่าการได้รับโอกาสทางการศึกษากับเด็กๆ การสนับสนุนเด็กเก่งและมีความสามารถเพื่อสร้างพัฒนาการ ในการเข้าเรียนในโรงเรียน ทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้นและหลุดพ้นจากความยากจน พวกเขากล่าวว่าเป็นการสร้างโอกาสให้กับครอบครัวยากจนที่ไม่สามารถจ่ายเงินให้กับลูกๆ เข้าโรงเรียนเอกชนราคาแพง
ในขณะเดียวกันกลุ่ม PLACE NYC ที่สนับสนุนการขยายตัวของโปรแกรมที่มีพรสวรรค์และมีความสามารถ ก็รู้สึกไม่พอใจที่นายกเทศมนตรีประกาศแผนโครงการนี้โดยไม่มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า ทางกลุ่มกำลังวางแผนการชุมนุมในสัปดาห์หน้าเพื่อประท้วงแผนการยกเลิกนี้ของนายกเทศมนตรี ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสามารถระดมครอบครัวของเด็กๆ หลายพันคนมาร่วมชุมนุมประท้วงการยกเลิกห้องเรียนในครั้งนี้
เนื่องจากนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กจะสิ้นสุดวาระของการดำรงตำแหน่งในปลายปีนี้ และการดำเนินการในการเปลี่ยนแปลงระบบดังกล่าวจะตกอยู่กับนายกคนใหม่ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่อไป ซึ่งสมาชิกสภาการศึกษาคนหนึ่งถึงกับกล่าวว่าการกระทำของนายกเทศมนตรีเหมือนกับการขว้างระเบิดใส่แล้วเดินจากไป เจ้าหน้าที่การศึกษาของเมืองจะมีการจัดการประชุมของชุมชนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเพื่อหารือเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้กับผู้ปกครองและครู และเผยแพร่รายละเอียดทั้งหมดก่อนสิ้นสุดภาคเรียนนี้ พร้อมกับวางแผนให้นายกเทศมนตรีคนต่อไปมาร่วมกันปรึกษาหารือในการดำเนินโครงการอย่างไรได้ต่อไป
นายเอริค อดัมส์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรีนครนิวยอร์กคนต่อไปในการเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2564 ที่จะถึงนี้ เขาได้ให้นโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “จะประเมินแผนและสงวนสิทธิในการดำเนินการตามนโยบายตามความต้องการของนักเรียนและผู้ปกครอง หากเขาได้รับเลือกตั้งเป็นนายกเทศมนตรี เห็นได้ชัดว่าฝ่ายการศึกษาจะต้องมีการปรับปรุงผลที่จะเกิดกับเด็กๆ ในพื้นที่ที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อยด้วย” โฆษกของนายเอริค อดัมส์กล่าว
ในขณะที่นายเคอร์ติส สลิวา ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีของพรรครีพับลิกันได้ เรียกการประกาศของเดอ บลาซิโอว่าเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายอย่างมาก และกล่าวว่าเขาคิดว่าจะนำโปรแกรมโครงการพิเศษกลับไปใช้ใหม่ทันทีหากเขาได้รับเลือกเป็นนายกเทศมนตรี
ปัจจุบันนครนิวยอร์กมีโรงเรียนประถมศึกษา 80 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรเร่งรัด เจ้าหน้าที่ของเมืองไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าใดในการขยายโรงเรียนประถมศึกษาเพื่อเพิ่มปริมาณเป็น 800 แห่งในอนาคต
แผนของโครงการนี้เรียกว่า Brilliant NYC จะต้องมีการจ้างครูเพิ่มเติม และต้องมีการฝึกอบรมมาเพื่อให้ครูมีส่วนในการสอนแบบสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ทุกคน
“ในฐานะนักการศึกษา ฉันรู้ว่าเด็กทุกคนในนิวยอร์กซิตี้มีความสามารถที่เหนือกว่าการทดสอบเพียงครั้งเดียว และแผน Brilliant NYC จะเปิดเผยจุดแข็งของพวกเขาแต่ละคนได้ เพื่อที่พวกเขาจะได้ประสบความสำเร็จในอนาคต” นายไมชา พอร์เตอร์ อธิการบดีโรงเรียนกล่าวทิ้งท้าย