หลังจากมีการคลายล็อกมาตรการควบคุมโควิด-19 เฟสแรกตั้งแต่ วันที่ 1 ก.ย. 64 เช่นการให้นั่งกินอาหารในร้าน การปรับมาตรการในห้างสรรสินค้า ทั้งร้านเสริมสวย หรือคลินิกเสริมความงาม นับเป็นสัญณาณที่ดีเพราะแม้มีการผ่อนคลายมาตรการแล้วตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องในหลายวันที่ผ่านมา โดยล่าสุดวันนี้ (14 ก.ย. 64) มีผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่11,786 คน เสียชีวิต 136 คน หายป่วย 14,738 ผู้ติดเชื้อสะสม 1,377,679
นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
เมื่อเห็นตัวเลขที่ดีขึ้นหลายคนจึงมองข้ามไปถึงการปลดล็อกมาตรการ ซึ่งปัจจัยที่จะนำไปสู่การปลดล็อกได้นั้น นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ความเห็นไว้ว่า เราสามารถปลดล็อกได้เลย แต่ต้องปลดล็อกอย่างมีชั้นเชิงโดยใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดคือ
1.การระดมฉีดวัคซีน ซึ่งจะใช้ซิโนแวคไขว้กับแอสตร้าเซเนก้าไม่ได้ หากจะใช้ต้องเป็นซิโนแวค 2 เข็มเป็นพื้นฐานต่อด้วยแอสตร้าเซเนก้า หรือเข็มแรกและเข็มสองฉีดวัคซีนเชื้อตายเข้าชั้นผิวโดยฉีดห่างกัน 7 วันจะทำให้จากวัคซีน 1 โดสขยายเป็น 5-10 โดสได้ทันที จากนั้น 1 เดือนต่อมาค่อยฉีดแอสตร้าเซเนก้าหรือไฟเซอร์เข้าชั้นผิวหนัง ซึ่งหากปูพรหมฉีดวัคซีน 60ล้านคนก่อนถึงเดือนธันวาคม สามารถสยบไวรัสได้
2.การรักษาที่ต้องยึดแบบอย่างประเทศอินเดียเพราะสามารถทำให้คนป่วยลดลงทันทีในรอบ 1 เดือนครึ่ง โดยการใช้ยาฆ่าพยาธินับตั้งแต่นาทีแรกที่ทราบว่าติดเชื้อ ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยสีเขียวกลายเป็นสีเหลือง สีแดง
3.การคัดกรองผู้ติดเชื้อ ที่ต้องเตรียมระบบใหม่ คัดกรองชนิดที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ
ขณะเดียวกันยังต้องอาศัยวินัยอย่างเข้มงวดทั้งวินัยทางสังคม วินัยผู้ประกอบการ และวินัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด เช่นการใส่หน้ากาก 2 ชั้น เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ ทานอาหารปรุงสุก สงสัยว่าเสี่ยงให้รีบตรวจและแยกตัวออกมา
สำหรับจำนวนผู้ป่วยโควิด -19 ที่สาธารณสุขสามารถรับได้ ประกอบด้วย
-รับได้ไม่เกินกำลังควรต่ำกว่าวันละ 5,000 คนต่อวัน เสียชีวิตไม่เกิน 50 คน
-พอรับได้แต่ต้องยอมเหนื่อย 5,000 – 10,000 คนต่อวัน
-ระบบสาธารณสุขเริ่มหลังแอ่น 10,000 คนขึ้นไปต่อวัน
ทั้งนี้ยังมีมาตรการคลายล็อกอื่น ๆ ที่รัฐบาลกำลังจะพิจารณาตามมาเช่น การเปิด 5 จังหวัดท่องเที่ยวแบบไม่กักตัว ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป ซึ่ง 5 จังหวัดที่จะเปิดเพิ่มได้แก่
1. กรุงเทพมหานคร
2.เชียงใหม่ (อ.เมือง,อ.แม่ริม,อ.แม่แตง,อ.ดอยเต่า)
3.ประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน)
4.เพชรบุรี(อ.ชะอำ)
5.ชลบุรี(เมืองพัทยา อ.บางละมุนและอ.สัตหีบ)
เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ โดยจะมีการเสนอเข้าที่ประชุม ศบค.เพื่อพิจารณา ในวันที่ 17 ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตามนพ.ธีรวัฒณ์ ได้ให้ความเห็นว่ารัฐบาลจะต้องปลดล็อกเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและคนไทยต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้ แต่ต้องทำอย่างมีชั้นเชิงไม่เช่นนั้นโควิด-19 อาจระบาดรุนแรงจนระบบสาธาณสุขเกินรับไหว