ญี่ปุ่นตกลงกับเวียดนาม เปิดทางส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ให้

ญี่ปุ่นสามารถส่งมอบยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศให้แก่เวียดนามได้แล้ว ภายใต้ข้อตกลงใหม่ ที่ลงนามกันไปเมื่อวันอาทิตย์ (12 กันยายน) ขณะที่ทั้งสองประเทศยกระดับความร่วมมือทางทหารท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน

โนบุโอะ คิชิ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่นบอกว่า ข้อตกลงดังกล่าวยกระดับความเป็นหุ้นส่วนด้านการป้องกันประเทศ "สู่ระดับใหม่" และญี่ปุ่นกับเวียดนามวางแผนที่จะกระชับความสัมพันธ์ด้านการป้องกันประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านการซ้อมรบร่วมและวิธีอื่น ๆ

รายละเอียดเกี่ยวกับการโอนยุทโธปกรณ์พิเศษ ซึ่งรวมถึงเรือรบ จะได้รับการพิจารณาในการเจรจาครั้งต่อ ๆ ไป 

การประชุมของรัฐมนตรีญี่ปุ่น กับรัฐมนตรีฝ่ายเวียดนามคือฟาน วันเกียง มรกรุงฮานอย มีขึ้นใกล้ ๆ กับการเยือนเมืองหลวงของเวียดนามเป็นเวลา 2 วันโดยนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน

เขาปิดการเยือนโดยบอกว่าจีนมีแผนจะบริจาควัคซีนป้องกันโคโรนาไวรัส 3 ล้านโดสให้กับเวียดนาม

ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้น 2 สัปดาห์หลังจากรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ของสหรัฐเดินทางไปเวียดนามเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับเวียดนาม 

ในระหว่างการเยือน แฮร์ริสเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ยืนหยัดต่อต้าน "การกลั่นแกล้ง"  ของจีนในทะเลจีนใต้

กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นบอกในแถลงการณ์ว่ารัฐมนตรีกลาโหมทั้งสองประเทศ เห็นด้วยกับความสำคัญของการรักษาเสรีภาพในการเดินเรือและการบินเหนือในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ตลอดจนความร่วมมือในด้านการป้องกันต่าง ๆ รวมถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์

โตเกียวมักประท้วงการปรากฏตัวของหน่วยยามฝั่งของจีนใกล้กับเกาะเซนกากุ ที่ควบคุมโดยญี่ปุ่น แต่จีนก็อ้างสิทธิ์และเรียกมันว่าเกาะเตี้ยวหยู

เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นบอกว่าเรือของจีนมักละเมิดน่านน้ำของญี่ปุ่นรอบเกาะ ซึ่งบางครั้งก็คุกคามเรือประมง

ในระหว่างการพูดคุย คิชิได้แสดงการต่อต้านอย่างรุนแรงของญี่ปุ่นต่อ "ความพยายามฝ่ายเดียวในการเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่โดยการบีบบังคับหรือกิจกรรมใด ๆ ที่เพิ่มความตึงเครียด" ซึ่งหมายถึงกิจกรรมที่มุ่งมั่นมากขึ้นของจีนในทะเลตะวันจีนออกและทะเลจีนใต้ แต่ไม่ได้ระบุชื่อประเทศใดๆ ...

เวียดนามเป็นประเทศที่ 11 ที่ญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงด้านยุทโธปกรณ์และการถ่ายโอนเทคโนโลยี

โตเกียวกำลังมองหาการขยายความร่วมมือทางทหารนอกเหนือจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีมาช้านาน และได้ลงนามในข้อตกลงที่คล้ายกันกับอังกฤษ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย