การชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สที่บริเวณแยกดินแดง วันนี้ (11 ก.ย.) ยังคงมีกลุ่มผู้ชุมนุมมารวมตัวกัน โดยในเวลา 17.45 น. กลุ่มมวลชนกว่า 100 คนได้รวมตัว โดยทั้งหมดต่างขี่รถจักรยานยนต์กีดขวางการจราจร และเบิ้ลเครื่องเสียงดัง รวมถึงยังมีการขว้างปาประทัดยักษ์ ระเบิดปิงปอง ลงบนพื้นถนน ใต้สะพานทางด่วนดินแดงเสียงดังสนั่นและยังมีการยิงพลุไฟขึ้นไปบนทางด่วนดินแดง ส่งผลให้การจราจรบริเวณดังกล่าวชะลอตัว
เวลา 18.15 น. มีเสียงปาประทัดเกิดขึ้นเป็นระยะ แต่การจราจรยังเป็นไปตามปกติ ไม่มีการปิดเส้นทาง นอกจากนี้ยังมีการแจกอาหารและน้ำดื่มเหมือนเช่นทุกวันด้วย
ระหว่างนั้นมีชายใส่เสื้อคลุมสีเหลือง ผูกผ้าพันคอสีเหลือง ขี่รถ จยย. ถือแผ่นป้ายพร้อมข้อความ ขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และร่วมปกป้องสถาบันมาด้วย ขี่เข้ามาจอดรถที่เกาะกลางแยกดินแดง พร้อมชู 3 นิ้ว ทำให้ “ป้าเป้า” นางวรวรรณ แซ่อั้ง หญิงสูงวัยขวัญใจชาวม็อบ และกลุ่มมวลชน ไม่พอใจดาท่อต่อว่าให้ออกไป เพราะไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้น แม้ชายคนดังกล่าวแสดงตัวว่ามีเจตนามาขับไล่นายกฯ เช่นกัน แต่สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหวต้องขี่รถ จยย. ออกไปแต่โดยดี
เวลา 18.30 น. ท้องฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว โดยผู้ชุมนุมเริ่มขับขี่จักรยานยนต์มารวมตัวมากขึ้น และบางส่วนทำเหมือนเช่นทุกวัน คือขับขี่ไปทางถนนวิภาวดีรังสิต ขาออก เพื่อไปดูท่าทีของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนที่กรมดุริยางค์ทหารบก แล้วกลับมาที่แยกดินแดง
เวลา 18.40 น. มีการจุดไฟเผายางรถยนต์และขยะใต้ทางด่วนดินแดง รวมถึงบนถนนหลายจุดจนเกิดกลุ่มควันดำโขมงขึ้น โดยเวลานี้พบการรวมตัวของมวลชนมากขึ้น
ด้านตำรวจ คฝ. ยังสังเกตการณ์รอดูท่าทีของกลุ่มมวลชน ในที่ตั้งที่กรมดุริยางค์ทหารบก สำนักงาน ป.ป.ส. และสถานที่ราชการใกล้เคียง ว่า มวลชนกลุ่มดังกล่าว จะสร้างสถานการณ์รุนแรงแค่ไหน แต่ก็ยังไม่มีทีท่าจะเคลื่อนพลออกมา
ต่อมามวลชนได้นำยางรถยนต์และผ้า ตลอดจนขยะมาเป็นเชื้อเพลิง ก่อนทำการจุดไฟเผาที่บริเวณใต้ทางด่วนดินแดง จุดเดิมที่มีเผาป้อมจราจร และบริเวณทางเข้าถนนวิภาวดีขาออก พร้อมประทัดยักษ์เป็นระยะๆ สร้างสถานการณ์ยั่วยุตำรวจ
เวลา 19.00 น. ที่บริเวณหน้ากรมดุริยางค์ทหารบก มีเสียงดังขึ้นต่อเนื่องจากการปาประทัดของผู้ชุมนุม แต่ยังไม่พบเจ้าหน้าที่ออกมาปฏิบัติการ
เวลา 20.15 น. เจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้ชุมนุมแยกย้ายกันกลับบ้าน แต่ผู้ชุมนุมยังคงยั่วยุด้วยการปาประทัดยักษ์ และจุดพลุ ใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้ออกมา