การประชุมร่วมรัฐสภามีไฮไลน์สำคัญคือการโหวตแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญวาระ 3 ที่อาจเปรียบเป็นการชี้ชะตาของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ 3 ป. ก็ว่าได้ เพราะการปรับระบบเลือกตั้งย่อมส่งผลต่อนักการเมือง พรรคการเมือง ที่จะช่วงชิงความได้เปรียบในสนามเลือกตั้งเพื่อกลับเข้าสู่อำนาจ
การแก้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แน่นอนว่ามีประโยชน์กับพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย เพราะที่ผ่านมาได้ ส.ส. เขตมาเป็นกอบเป็นกำ แต่ถูกตัดตอน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
ขณะที่พรรคใหญ่อย่างพลังประชารัฐ ก็มั่นใจจากการเลือกตั้งซ่อมที่ชนะทุกครั้ง มีความพร้อมด้วยอำนาจรัฐ นโยบาย จึงคิดว่าสู้ได้แน่นอนหากกลับไปใช้ระบบบัตรเลือกตั้งสองใบ และยังเป็นการลดการพึ่งพาเสียงของพรรคเล็กพรรคน้อย รวมถึงไม่ต้องใช้เสียง สว. ในอนาคต
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์พรรคเก่าแก่ มีแฟนคลับมีฐานเสียง เชื่อว่าประชาชนอาจจะยังเลือกพรรคอยู่ จึงสนับสนุนแนวทางดังกล่าวเช่นกัน
ด้านพรรภูมิใจไทย ที่แบะท่าปล่อยฟรีโหวต เห็นชัดเจนว่า ต้องการบัตรใบเดียว เพราะได้ประโยชน์ เช่น ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพิ่มหลายคน
ต่างจากบรรดาพรรคเล็ก แน่นอนว่ามีจุดยืนชัดเจนไม่เอาด้วย เพราะเสียประโยชน์ โดยอ้างว่าไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนตัวเล็กๆ เข้ามามีโอกาสทำงานในสภา รวมถึงล้มระบบ ส.ส.พึงมี ที่ถือเป็นระบบที่ยุติธรรมที่สุด
ขณะที่เสียง สว. ที่เดิมเหมือนว่าจะให้ผ่านไปง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่โหวตรับหลักการเห็นชอบตั้งแต่วาระ 1 และ 2 แต่กลับมีสัญญาณแปลกๆ ออกมาให้เห็น ในทำนองอาจจะไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่เป็นนักการเมืองกับพรรคการเมืองต่างหากที่เป็นคนได้ผลประโยชน์อย่างแท้จริง และยังจะเป็นการย้อนระบบการเมืองให้กลับไปเป็นเผด็จการรัฐสภา
และจากเหตุการณ์งัดข้อกลางสภาในศึกซักฟอกที่ผ่านมาเพื่อหวังล้ม “บิ๊กตู่” โดยมีกระแสข่าวขาใหญ่ในพรรคพลังประชารัฐจะฮั้วกับพรรคเพื่อไทยแต่แผนแตก ทำให้ “บิ๊กตู่” สามารถผ่านพ้นสมรภูมินั้นมาได้ ทำให้ในการโหวตครั้งนี้ อาจจะมีการเปลี่ยนแผนด้วยการโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรืออาจจะไม่มีใครกล้าแตกแถว หลังบิ๊กตู่เชือดไก่ให้ลิงดูสั่งปลด 2 รัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรมเผ่า กับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์
อย่างไรก็ตาม การแก้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ มีกระแสข่าวว่าเป็นความต้องการของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่เมื่อเกิดศึกกลางสภาขึ้น อาจจะทำให้ 3 ป. หวาดระแวง หากให้ผ่านจะเป็นการติดปีกให้ขาใหญ่ในพลังประชารัฐ สลับขั้วจับมือนายใหญ่แดนไกล กลับมายิ่งใหญ่ และมาคว่ำ 3 ป. ในอนาคตหรือไม่ ตามที่มีกระแสข่าวลือออกมา
หากปล่อยให้มีการแก้บัตร 2 ใบ เพราะเชื่อว่าจะทำให้พรรคพลังประชารัฐใหญ่ขึ้น อาจจะเป็นการเสียค่าโง่ให้พรรคเพื่อไทยก็เป็นได้ เนื่องจากระยะหลังกระแสรัฐบาลและศรัทธาประชาชนไม่ดีเท่าที่ควร
และอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจมองข้ามไม่ได้ ในการที่รัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านนั้น ตัวแปรสำคัญยังอยู่ที่ 3 ป. ที่ต้องออกมาส่งสัญญาณให้กับ สว. ที่ทำคลอดมาเองกับมือในยุค คสช. ว่า จะให้ผลลัพธ์ออกไปในทิศทางไหน
ดังนั้นจึงต้องจับตาการโหวตรัฐธรรมนูญ ในวาระ 3 จะคว่ำหรือผ่านฉลุย แต่ไม่ว่าจะออกมาทางใด ก็ล้วนแต่เป็นการตกผลึกกันแล้วของบรรดา 3 ป. หากต้องการอยู่ในอำนาจต่อต้องเลือกแนวทางที่คิดว่าเกิดประโยชน์กับพรรคพวกตัวเองมากที่สุด หรือหากไม่ผ่านขึ้นมาจริงๆ พรรคพลังประชารัฐก็ยังได้ประโยชน์และได้เปรียบทางการเมือง จากกติกาเดิมในเลือกตั้งครั้งหน้า และเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เปรียบชัดๆ ก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่จะเปลี่ยนแปลง นอกจากมีความมั่นใจตัวเองเกินร้อยว่าสู้พรรคใหญ่อย่างเพื่อไทยได้แน่นอน