เมื่อวันที่ 9กันยายน 2564 นายวิชัย จะซา ผู้ใหญ่บ้านห้วยฝักดาบ หมู่ที่ 19 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า หลังจากพบตัวน้องจีน่า ทำให้ชาวบ้านได้คลายกังวลไปได้บ้าง เนื่องจากการหายตัวไปของน้องจีน่าทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างเป็นห่วง เพราะน้องจีน่าเปรียบเหมือนลูกหลานของตัวเอง เชื่อว่าการเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียนที่ชาวบ้านต้องตื่นตัวและให้ความระมัดระวังบุตรหลานในหมู่บ้านเพิ่มมากขึ้น ส่วนอาผะจะทำคนเดียวหรือไม่นั้นขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการขยายผลสืบสวน
สำหรับลุง-ป้า และยาย ที่ไปพบตัวน้องจีน่านั้น อาศัยอยู่ที่ อ.เชียงดาว ทั้งหมดเป็นคนนอกพื้นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน แต่ก่อนที่น้องจีน่าจะหายตัวประมาณหนึ่งสัปดาห์ ป้าของน้องจีน่าได้เข้ามาพักอยู่กับญาติในหมู่บ้าน ห่างจากบ้านของน้องจีน่าประมาณ 300 เมตร โดยบอกว่าไม่สบายมาให้ญาติช่วยดูแล ส่วนลุงของน้องจีน่าเดินทางเข้าหมู่บ้านภายหลังทราบข่าวน้องจีน่าหายตัว โดยมาให้ข้อมูลว่าหมอผีชี้จุดจนพบตัวน้องจีน่า
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้นำลุง - ป้า และยาย ของน้องจีน่ามาสอบสวน หลังจากนายอาผะให้การชัดทอดว่าว่า ทั้ง 3 คนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ โดยทั้ง 3 เป็นคนกลุ่มแรกที่พบตัวน้องจีน่าในกระท่อมร้าง แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานการแจ้งข้อหากับเพิ่มเติมกับนายอาผะหรือกลุ่มบุคคลต้องสงสัยร่วมขบวนการ คาดว่าภายในวันพรุ่งนี้(10ก.ย.64) คดีจะเริ่มคลี่คลายและมีการแจ้งข้อหาผู้ร่วมกระทำผิดทั้งหมดที่คาดว่าจะมี 3-5 คน
ขณะเดียวกัน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายอาผะ ออกจากห้องคุมขัง ไปสอบสวนเพิ่มเติม เพื่อหาข้อมูลเชื่อมโยงถึงขบวนการลักพาตัวน้องจีน่า โดยใช้เวลาประมาณ 30นาที ก่อนจะนำตัวกลับมาคุมขังตามเดิม โดยนายอาผะไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนและอยู่ในอาการเคร่งเครียด
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ต่างไม่เชื่อในคำให้การของนายอาผะ โดยมองว่าจุดที่นำน้องจีน่าไปปล่อยกับจุดที่พบตัวเด็ก อยู่ห่างกันกว่า 300 เมตร และการเดินทางจากจุดปากถ้ำไปถึงกระท่อม ค่อนข้างลาดชัดเดินทางลำบาก ผู้ใหญ่ยังไม่เดินทางบนเส้นทางนั้น จึงไม่มีความเป็นได้ว่าน้องจีน่าจะเดินทางไปที่กระท่อมได้ โดยชาวบ้านคาดว่า นายอาผะไม่ได้นำตัวน้องจีน่าขึ้นไปขนปากถ้ำตั้งแต่แรก แต่นำตัวเด็กไปซ่อนหรือส่งให้บุคคลอื่น เพื่อจุดประสงค์อื่นเช่น การนำเด็กไปขายหรือการเรียกค่าไถ่ เนื่องจากว่าครอบครัวของน้องจีน่าพอมีฐานะ อาจเอาน้องมาเพื่อต่อรองผลประโยชน์
นายทิง วรวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตนได้ตั้งข้อสงสัยว่าลักพาตัวตั้งแต่วันแรกเนื่องจากว่า มีข้อพิรุธหลายอย่าง โดยเฉพาะในจุดที่พบเด็ก ทางเจ้าหน้าที่เทศบาลได้ไปค้นหาหลายครั้งแต่ไม่พบ จึงคาดว่าเด็กจะถูกนำมาทิ้งก่อนจะมีคนมาเจอ และคนร้ายมีการซ่อนเด็กไว้ในหมู่บ้าน ต่อมาในช่วงเย็นของวันที่ 7 ก.ย. 64 ทางตำรวจได้มีการวางแผนให้ผู้ใหญ่บ้านไปปล่อยข่าวว่า จะมีการค้นทุกบ้านโดยละเอียด จึงทำให้คนร้ายเกิดความกดดัน จึงได้นำเด็กไปคืน และสภาพเด็กตอนที่เจ้าหน้าที่ไปพบ ดูสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เหมือนคนหลงป่ามา 2 วัน โดยคาดการณ์ว่านายอาผะอาจเป็นเพียงผู้ที่อุ้มเด็กไปส่งต่อเท่านั้น ส่วนผู้ที่รับช่วงต่อคือคนในหมู่บ้าน จะต้องไปสืบให้ได้ว่าเป็นใคร
ขณะที่นายสมชาย จะลา สมาชิกสภาเทศบาลตำบลอินทขิล ที่เป็นคนในหมู่บ้านห้วยฝักดาบ ได้ให้ความเห็นเช่นเดียวกันว่า เด็กไม่ได้ถูกนำเข้าไปในป่าตั้งแต่ต้น แต่ถูกซ่อนในหมู่บ้าน โดยมีคนร่วมขบวนการกับนายอาผะมากกว่า 1 คน คาดว่าจะมี 3 คนในขบวนการนี้ คือ 1.นายอาผะคนลักตัวเด็ก 2.คนดูแลเด็กระหว่างที่ซ่อนตัว และ 3.ผู้ที่คอยรายงานความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่หรือดูต้นทาง พอถูกเจ้าหน้าที่กดดันอย่างหนัก จึงวางแผนเอาตัวพาเด็กหนีออกจากหมู่ โดยการอุ้มเด็กเข้าไปในป่าเพื่อใช้เส้นทางตามธรรมชาติ แต่ระหว่างหนีเด็กร้องก่อน ทำให้ชาวบ้านแตกตื่นมาตามหา จึงเปลี่ยนแผนนำเด็กไปปล่อยให้ดูเหมือนกับหลงป่า จนมีคยมาเจอน้องในที่สุด
ขบวนการนี้ต้องเป็นคนในหมู่บ้านอย่างแน่นอน เนื่องจากว่าในพื้นที่ป่าแถบนี้ ถ้าไม่ใช่ชาวบ้านห้วยฝักดาบจะเดินทางไม่ถูก ผู้ที่นำน้องไปปล่อยจะต้องมีความชำนาญเส้นทางเป็นอย่างดีในการหลบหลีกชาวบ้านในป่า รู้จุดแวะพักต่างๆ พร้อมกันนี้ขณะที่เอาเด็กปล่อยไส้ในกระท่อม มีการเฝ้ารอให้คนมาเด็ก ถึงจะหลบฉากออกไป
ภาพ/ข่าว นิศานาถ กังวานวงศ์ / เกรียงไกร รัตนา