รัฐนิวเซาท์เวลส์ของออสเตรเลีย อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์เดลตา แต่จนถึงตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าการแพร่ระบาดยังคงไม่เบาบางลง ในวันนี้ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1,400 คน ทางการจึงมองว่าถึงจะล็อกดาวน์ต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ จึงได้เปิดเผยแผนการคลายล็อกดาวน์ ที่มีชื่อว่า Roadmap to Freedom ซึ่งคาดว่าจะคลายล็อกได้ในเดือนตุลาคมนี้
ภายใต้แผนการคลายล็อกดาวน์ของรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีข้อแม้สำคัญคือจะทำได้ก็ต่อเมื่อประชากรผู้ใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดสแล้ว 70% ซึ่งขณะนี้ อัตราการฉีดวัคซีนครบสองโดสของประชากรในรัฐนิวเซาท์เวลส์ อยู่ที่ 43% ส่วนประชากรที่ฉีดวัคซีนโดสแรกแล้วอยู่ที่ 70% ซึ่งการฉีดวัคซีนให้ถึงเป้าที่กำหนดภายในเดือนตุลาคม ก็มีความเป็นไปได้สูง โดยทางการประกาศว่าทันทีที่ประชากรได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส ถึง 70% เมื่อไร ก็จะดำเนินการคลายล็อกดาวน์ในวันจันทร์ที่จะถึงทันที
การคลายล็อกดาวน์จะทำให้ร้านค้า ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ ฟิตเนส ร้านทำผม ร้านทำเล็บกลับมาเปิดให้ลูกค้าเข้าร้านได้เหมือนเดิม แต่จะมีการจำกัดจำนวนลูกค้า ส่วนโรงเรียน ทางการตั้งเป้าว่าเตรียมเปิดให้นักเรียนกลับไปเรียนหนังสือได้ในวันที่ 25 ตุลาคม
ส่วนการจัดงานที่มีการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก สามารถทำได้โดยจำกัดจำนวนคนให้ไม่เกิน 500 คน ส่วนงานแต่งงานและงานศพ มีผู้ร่วมงานได้ไม่เกิน 50 คน
อย่างไรก็ตาม กลาดีส์ เบเรกจิกเลียน มุกขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ เปิดเผยว่าผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบสองโดส จะมีสิทธิพิเศษที่สามารถทำกิจกรรมได้มากกว่าผู้ที่ยังฉีดวัคซีนไม่ครบ เช่น การเดินทางข้ามรัฐ การนั่งในรถคันเดียวกัน การรวมตัวกันเกิน 20 คนในสถานที่กลางแจ้ง และการไปเยี่ยมผู้อื่นที่บ้านแบบไม่เกิน 5 คน