svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ภูมิภาค

คณาจารย์กว่า 40 สถาบันร่วมลงชื่อค้านกฎกระทรวงเอื้อคนแย่งงานบัณฑิต

06 กันยายน 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

คณาจารย์สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยยื่นหนังสือ “การคัดค้าน” กฎกระทรวงแรงงาน ข้อ 21 (3) หวั่นแย่งงานบัณฑิตและลดมาตรฐานความปลอดภัยและสุขภาพแรงงาน หลังเอื้อให้คนที่ไม่ได้เรียน 4 ปี แต่อบรมแค่ 222 ชั่วโมงเข้าทำงานได้

รศ.ดร.พรพรรณ สกุลคู หัวหน้าสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้มหาวิทยาลัยกว่า  40  แห่ง กำลังออกมาคัดค้านการออกกฎกระทรวงฯของกระทรวงแรงงาน ซึ่งหวั่นว่าจะทำให้บัณฑิตที่เรียนจบด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยต้องตกงาน เนื่องจากกฎกระทรวงฯที่ออกมาใหม่เอื้อต่อการให้บุคคลทั่วไปที่ผ่านการอบรมเพียง  222  ชั่วโมง สามารถเข้าทำงานในตำแหน่งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยได้ 

 

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ รศ.ดร.พรพรรณ สกุลคู หัวหน้าสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ได้นำทีมคณาจารย์ จำนวนรวม 6 ท่าน คือ ผศ.ดร.ยุพรัตน์ หลิมมงคล ผศ.ดร.ฤทธิรงค์ จังโกฏิ อาจารย์นัฐชานนท์  เขาราธ อาจารย์วรวรรณ ภูชาดา และอาจารย์กชกร  อึ่งชื่น เข้าพบและยื่นหนังสือ “การคัดค้าน ข้อ 21 (3) ของการออกกฎกระทรวงการจัดให้มีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน บุคลากร หน่วยงาน หรือคณะบุคคล เพื่อดำเนินการด้านความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ พ.ศ......” ของสภาสถาบันการศึกษาและเครือข่ายวิชาชีพอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (สคอป.) (Professional network of occupational health and safety: PNOHS) ต่อนายพัฒนชาต ชุมทอง สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น และทีมงาน ณ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดขอนแก่น  ได้มีโอกาสสื่อสารวัตถุประสงค์และแลกเปลี่ยนมุมมองงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อสุขภาพและความปลอดภัยต่อแรงงานในสถานประกอบกิจการ 

 

คณาจารย์กว่า  40  สถาบันร่วมลงชื่อค้านกฎกระทรวงเอื้อคนแย่งงานบัณฑิต

 

โดยคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็น 1 ใน 48 สถาบันการศึกษาที่ผลิตบัณฑิตทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และเป็นทีมงานในสภาสถาบันการศึกษาและเครือข่ายวิชาชีพ     อาชีวอนามัยและความปลอดภัย  ได้เล็งเห็นผลกระทบของข้อ 21(3) ของ(ร่าง) กฎกระทรวงฯ ดังกล่าว ซึ่งได้ระบุข้อ 21 (3) ไว้ว่า “ข้อ 21 เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ (3) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีและมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสถานประกอบกิจการตามบัญชี 1 และ 2 ไม่น้อยกว่า  5 ปี และผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ” ซึ่งข้อ 21(3)จะส่งผลกระทบต่องานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยทั้งระยะสั้นและระยะยาว  

 

โดยการอบรมหลักสูตรเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพเพื่อให้ได้เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพตามกฎกระทรวงฯ ข้อ 21 (3) นั้น พบว่า ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่กำหนดชี้ชัดถึงคุณภาพที่แสดงถึงความเชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งความแตกต่างจากการผลิตบัณฑิตจากทางสถาบันการศึกษาที่ถูกกำกับและควบคุมคุณภาพของหลักสูตร โดยมีเกณฑ์กำหนดชัดเจนให้เรียนพื้นฐานทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างน้อย 44 หน่วยกิต โดยมีทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ประกอบด้วยหมวดวิชาเฉพาะ กลุ่มวิชาบังคับพื้นฐานวิชาชีพ 5 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 2) กลุ่มวิชาความปลอดภัย 3) กลุ่มวิชาวิศวกรรมทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย หรือเทคโนโลยีการควบคุมด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 4) กลุ่มวิชากฎหมายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย 5) กลุ่มวิชาสุขศาสตร์อุตสาหกรรม และ 6) กลุ่มวิชาสนับสนุนวิชาชีพอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

 

คณาจารย์กว่า  40  สถาบันร่วมลงชื่อค้านกฎกระทรวงเอื้อคนแย่งงานบัณฑิต

 

นอกจากนั้นจากข้อมูลสามารถผลิตบัณฑิตทางด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ได้ประมาณปีละ 12,000 คน โดยสถาบันที่เปิดสอนด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมากกว่า 40 แห่ง ซึ่งมีคุณสมบัติสอดคล้องตามกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้นั้น พบว่า สามารถเข้ามาดูแลแรงงานในสถานประกอบกิจการให้ได้รับความปลอดภัยและสุขอนามัยได้เพียงพอต่อความต้องการของสถานประกอบกิจการ (เนื่องจากสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปทั่วประเทศมีเพียง 16,027 แห่ง) ดังนั้น หากมีการประกาศใช้ (ร่าง) กฎกระทรวงฯ ข้อ 21(3) ควรมีการพิจารณาข้อจำกัดเกี่ยวกับอัตราการผลิตเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยวิชาชีพ เนื่องจากจะทำให้เกิดการผลิตเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพที่มากเกินความต้องการของตลาดแรงงาน 

 

รวมถึงการทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องดูแลด้านสุขภาพและอนามัยของแรงงานได้อย่างครอบคลุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตระหนัก ประเมิน และควบคุมปัจจัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัยจากอุบัติเหตุ และโรคจากการประกอบอาชีพ ดังนั้น จำเป็นต้องสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาตรีด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยโดยตรง และมีการเรียนพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาชีพได้   

 

“เป็นห่วงว่าหากกำหนดคุณสมบัติทั้งด้านวุฒิการศึกษาที่กว้างและประสบการณ์ไม่เฉพาะเจาะจงด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในสถานประกอบกิจการ ส่งผลให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานระดับวิชาชีพ ตามกฎกระทรวงฯ ข้อ 21 (3) นั้นมีสมรรถนะด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานด้อยกว่าเมื่อเทียบกับผู้ที่สำเร็จการศึกษาด้านนี้โดยตรง และส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลสำหรับการบริหารจัดการงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงแรงงาน ผู้รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง ได้นำไปพิจารณาผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวที่เกิดขึ้นต่องานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของประเทศไทย และเปิดโอกาสให้หาทางออกเรื่องนี้ร่วมกัน อันจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติสูงสุด เพราะไม่เช่นนั้นจะทำให้ลดมาตรฐานความปลอดภัยและสุขภาพแรงงานลงและทำให้จำนวนผู้ว่างงานในประเทศเพิ่มสูงขึ้น”รศ.ดร.พรพรรณ กล่าว   

โดย  - ศูนย์ข่าวภาคอีสาน 

 

คณาจารย์กว่า  40  สถาบันร่วมลงชื่อค้านกฎกระทรวงเอื้อคนแย่งงานบัณฑิต

 

logoline