ผู้สื่อข่าวรายงาน ทางด้านนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี ผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ (NIAID) และหัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์แห่งทำเนียบขาว คาดการณ์ว่า สหรัฐฯกำหนดจะเริ่มฉีด วัคซีนเข็มที่ 3 หรือ วัคซีนบูสเตอร์(วัคซีนกระตุ้นภูมิ) ของ บริษัทไฟเซอร์-บิออนเทค ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ แต่คาดว่า การฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทโมเดอร์นาอาจต้องถูกเลื่อนออกไป
โดยก่อนหน้านี้ คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศแผนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชนที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์มาแล้ว 2 โดสเป็นเวลา 8 เดือน โดยวัคซีนบูสเตอร์ของทั้งสองบริษัทฯ กำลังรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของสหรัฐ
นายแพทย์เฟาชี ยังเปิดเผยข้อมูลในการสัมภาษณ์ ผ่านทาง รายการ "Face the Nation" ทางสถานีโทรทัศน์ CBS เมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) ว่า วัคซีนบูสเตอร์ ของบริษัทไฟเซอร์อาจจะเป็นวัคซีนตัวเดียวที่คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) อนุมัติให้ฉีดให้กับประชาชนในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนของโมเดอร์นา อาจจะต้องรอการฉีดวัคซีนบูสเตอร์นานขึ้น ในขณะที่ ทางโมเดอร์นากำลังรอการอนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าว
ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2564 ที่ผ่านมา บริษัท ไฟเซอร์ และบิออนเทค เคยแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องต่อ FDA เพื่อขอการอนุมัติอย่างเต็มรูปแบบ สำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19เข็มที่ 3 ให้แก่ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยไฟเซอร์-บิออนเทค คาดหวังว่า การได้รับอนุมัติดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นให้วัคซีนของไฟเซอร์-บิออนเทค ได้รับการรวมเข้าสู่โครงการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ชาวอเมริกัน ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันที่ 20 ก.ย.ที่จะถึงนี้
ส่วนเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา บริษัท โมเดอร์นาได้ยื่นข้อมูลให้กับ FDA โดยข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลการใช้วัคซีนเข็ม 3 ต่อจากวัคซีน 2 โดสแรกในปริมาณ 50 โมโครกรัม
ซึ่งในประเด็นนี้ นายสเตฟาน บันเซล ซีอีโอของโมเดอร์นา ระบุว่า
"เป็นปริมาณที่บ่งชี้ว่ามีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการตอบสนองของแอนติบอดีต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้เป็นอย่างดี"