5 กันยายน 2564 นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2564 ในพื้นที่ลุ่มน้ำมูล จ.นครราชสีมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำท่วมซ้ำเหมือนปีที่ผ่านมา
จากการติดตามสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ จังหวัดนครราชสีมานับตั้งแต่วันที่ วันที่ 4 ก.ย. 2564 พบว่า
1.อ่างเก็บน้ำลำตะคองมีปริมาณน้ำ 213 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 68
2.อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงมีปริมาณน้ำ 100 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 64
3.อ่างเก็บน้ำมูลบนมีปริมาณน้ำ 99 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 70
4.อ่างเก็บน้ำลำแซะมีปริมาณน้ำ 164 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 60
การคาดการณ์เดือน ก.ย.-พ.ย. 2564 จะมีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม จำนวน 3 แห่ง ได้แก่
1.เขื่อนลำพระเพลิง
2.เขื่อนลำตะคอง
3.เขื่อนมูลบน จ.นครราชสีมา
พบว่ามีปริมาณน้ำค่อนข้างสูง และต้องระบายน้ำออก เนื่องจากระยะนี้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีแนวโน้มฝนตกหนักในช่วงปลายเดือน ก.ย. ต่อเนื่อง ต.ค.ที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องให้ความสำคัญ ติดตาม และวางแผนการบริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำต่างๆ อย่างใกล้ชิด เครื่องจักรเครื่องมือต้องพร้อมใช้งาน รวมถึงการแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำ เพื่อสร้างการรับรู้เชิงพื้นที่ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น อำเภอ จังหวัด โดยเฉพาะการบูรณาการการบริหารจัดการภัยพิบัติที่ช่วยลดความเสียหายที่เกิดจากน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แนวทางรับมือสถานการณ์น้ำ จ.นครราชสีมา ต้องทำอย่างไร
1.ปรับปรุงเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำ ในเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วมท้ายเขื่อน
2.ระบายน้ำเก็บยังแก้มลิง /ลำน้ำธรรมชาติ
สำหรับแนวทางการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.นครราชสีมา พบว่า ทางจังหวัดได้มีแผนรับมือรองรับสถานการณ์ โดยตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์กรณีอุทกภัย ซึ่ง กอนช.จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลการคาดการณ์แนวโน้มปริมาณฝน น้ำในแหล่งน้ำ ผ่านศูนย์ข้อมูลทรัพยากรน้ำจังหวัดนครราชสีมา เพื่อเป็นชุดข้อมูลให้หน่วยงานในพื้นที่ใช้ในการตัดสินใจในการวางแผนจัดการมวลน้ำก่อนเกิดผลกระทบ และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตาม 10 มาตรการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเขื่อนที่มีแนวโน้มปริมาณน้ำเกินเกณฑ์ควบคุม
“ขอให้ปรับปรุงเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำในเขื่อน เพื่อรองรับฤดูฝนนี้ เพื่อป้องกันผลกระทบน้ำท่วมพื้นที่ท้ายเขื่อน วางแผนนำน้ำไปเก็บกักไว้ในแก้มลิง และลำน้ำธรรมชาติครอบคลุมพื้นที่ 3,000 ไร่ ประกอบกับเสริมศักยภาพของเขื่อนให้สามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้ เพื่อสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูแล้ง ปี 2564/65 ได้ต่อไป”
นอกจากนี้ได้ ให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำในเขื่อนสำคัญในพื้นที่ลุ่มน้ำมูล 2 แห่ง ได้แก่ เขื่อนลำพระเพลิงและเขื่อนลำตะคอง ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำประมาณ 60% ของความจุ และมีแนวโน้มปริมาณน้ำไหลอ่างฯ มากขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น ต้องมีการประเมินฝนรวมถึงพายุที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน หากจะมีการพร่องน้ำเพื่อรองรับปริมาณฝนที่อาจจะตกลงมาเพิ่มเติมจะต้องแจ้งให้ทางจังหวัดรับทราบล่วงหน้า และมีแผนการระบายน้ำที่กำหนดช่วงเวลาชัดเจนเพื่อป้องกันผลกระทบพื้นที่ท้ายน้ำ