3 กันยายน 2564 ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ยืนยันกับ "เนชั่นทีวี" ว่า เรื่องนี้มีมูลความจริง มีควันไฟพอสมควร โดยจับสัญญาณจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี แสดงปฏิกิริยาออกมาพูดมากกว่าคำว่า "ไม่รู้"
ทั้งนี้ ยิ่งได้เห็นพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ แสดงความมั่นใจว่า "ขอให้เชื่อพี่" สะท้อนว่ามีความเคลื่อนไหวเรื่องนี้จริง มีการต่อรองจริง แต่คงไม่ไปถึงขั้นล็อบบี้โหวตสวนไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ เพราะถ้าเป็นไปตามข่าว หมายความว่านักการเมืองพรรคพลังประชารัฐ เท่ากับการฆ่าตัวตาย แต่เชื่อว่ามีเป้าหมายเพื่อปรับคณะรัฐมนตรี
ผศ.วันวิชิต มองว่า โดยส.ส.กลุ่มนี้ในพรรคพลังประชารัฐ จะกดดันนายกฯ ให้ปรับ ครม. โดยหวังผลคะแนนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเครื่องมือประกอบในการเขย่าและต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี แน่นอนว่าสปอร์ตไลท์พุ่งตรงไปที่ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เนื่องจากการอภิปรายครั้งที่ผ่านมาได้คะแนนรั้งท้าย
นอกจากนี้ อีกคน คือ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เพราะรู้ดีว่าการปรับ ครม.ไม่มีโอกาสไปเกาะเก้าอี้ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง หรือแม้แต่กระทรวงมหาดไทย เฉพาะกระทรวงที่กดดันได้ง่ายที่สุด คือกระทรวงที่ถูกอภิปรายอย่างแรงงาน และดีอีเอส
"รอยร้าวที่เกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐนั้น เกิดจากการรวมร่างของพลังประชารัฐ เปรียบเหมือนแฟรงเกนสไตน์ เอาส่วนต่างๆ มาประกอบร่างให้ดูใหญ่โตน่ากลัว น่าเกรงขาม แต่การอยู่นานๆ คนเริ่มไม่กลัว นานวันเข้าเริ่มเสื่อมทรุด เช่นเดียวกับพลังประชารัฐประกอบร่างขึ้นมาเพื่อรอวันแตกในอนาคต ในวันที่พล.อ.ประยุทธ์ และ 3 ป.ลงจากอำนาจเท่านั้นเอง" ผศ.วันวิชิต ระบุ
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่านายกฯ จะต้องพยายามผ่านปีนี้ไปให้ได้ จะไม่ยอมรับในสิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ หากปรับ ครม. หมายถึงการยอมรับความล้มเหลว ซึ่งเชื่อว่าต้องลากไปให้ได้ถึงปีหน้า เมื่อสถานการณ์โควิด วัคซีน การลงทุน รวมถึงบรรยากาศต่างๆ ดีขึ้น ตรงนั้นการกระจายตำแหน่งเก้าอี้รัฐมนตรีให้ ส.ส. ตามที่สัญญากันแบบสุภาพบุรษ