svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ทีม4กุมาร แนะแก้โควิดเอาอย่างตปท. รัฐบาลต้องดึงประชาสังคมช่วย

16 สิงหาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สนธิรัตน์"1ในทีม4กุมาร อดีตรัฐมนตรีรัฐบาลบิ๊กตู่ ชี้ทางรอด ทางแก้โควิด-19 ใช้โมเดลต่างประเทศ ส่วนภาครัฐต้องดึงภาคประชาสังคมร่วม แนะสูตรสำเร็จแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน

16 สิงหาคม 2564 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรมช.พาณิชย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และอดีตรมว.พลังงาน ในรัฐบาลบิ๊กตู่ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงแนวทางการแก้ปัญหาแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า 

 

ในสถานการณ์โรคโควิดแบบนี้ ผมคิดว่าความร่วมมือและร่วมใจกันของทุกภาคส่วนถือว่ามีความสำคัญมาก ๆ ครับ ภาครัฐอย่างเดียวอาจมีกำลังไม่พอ ภาคส่วนอื่น ๆ สามารถทำงานช่วยหนุนเสริมกันและกันได้ครับ

 

ตลอด 1 ปี ที่ผ่านมานี้เราได้เห็นบทเรียนมากมายจากต่างประเทศครับ โดยเฉพาะประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาด จำนวนมากนั้นมีจุดร่วมกันคือการทำงานร่วมกันอย่างลงตัวระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม

 

ภาคประชาสังคมถือว่ามีความน่าสนใจครับ และในหลายประเทศทั่วโลกก็ได้ใช้ประโยชน์จากภาคส่วนนี้อย่างมหาศาลโดยเฉพาะการเข้าถึงในระดับพื้นที่ เครือข่ายการทำงานที่มีข้อมูลเชิงลึก หรือเป็นกำลังเสริมสำคัญในการคุมโรคระบาดครับ

ในกรณีของจีนหากเราได้ติดตามดูการควบคุมโรคระบาดจะพบเห็นกลุ่มคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดง ใช่แล้วครับคนกลุ่มนี้คืออาสาสมัครที่มาช่วยงานเจ้าหน้าที่ โดยคนกลุ่มนี้จะอยู่มีบทบาทหน้าที่ที่รัฐจะกำหนดมาให้ทำครับ

 

งานจำนวนมากที่ไม่ต้องใช้ทักษะมาก เช่นการให้ข้อมูลเบื้องต้นในการตรวจหาเชื้อ หรือการบอกตำแหน่งต่าง ๆ ในสถานีฉีดวัคซีน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำงานเฉพาะในส่วนการฉีดวัคซีนและตรวจโรคซึ่งมีค่ามหาศาลครับ ในสภาพที่บุคคลากรมีจำกัด

 

หรืออย่างในกรณีของอินเดียที่ผมเคยเขียนไปก่อนหน้านี้ เราจะได้เห็นบทบาทของภาคประชาสังคมที่ทำงานกับภาครัฐในการรับส่งผู้ป่วยตามเขตต่าง ๆ การส่งอาหารสำหรับคนที่ต้องกักตัว ไปจนถึงบริการเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ด้วย

 

นอกจากนี้ พรรคการเมืองต่าง ๆ ในอินเดียก็ร่วมด้วยช่วยกันในการให้ความช่วยเหลือประชาชนภายใต้การแบ่งเขต หรือรูปแบบการช่วยเหลือที่แตกต่างกัน เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือเร็วที่สุด ทั้งบริการออกซิเจน และการนำส่งประชาชนไปยังโรงพยาบาลครับ

 

ในสหภาพยุโรปเองบทบาทขององค์การภาคประชาสังคมก็ค่อนข้างมีอย่างโดดเด่นภายใต้การประสานงานร่วมกันกับภาครัฐ เช่นการส่ง Care Package ไปในครัวเรือนต่าง ๆ การผลิตข้อมูลองค์ความรู้ ไปจนถึงการสร้างความการตระหนักรู้ในระดับชุมชน

 

สิ่งสำคัญที่ประเทศเหล่านี้มีลักษณะคล้ายคลึงกันคือการมีกำลังคอยหนุนเสริมจากภาครัฐในการทำหน้าที่ของภาคประชาสังคมและอาสาสมัครครับ ซึ่งภาครัฐจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลัก คอยกำหนดบทบาทต่าง ๆ ที่อยากให้ภาคส่วนเหล่านี้ช่วยเหลือ

 

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาครัฐไม่ต้องใช้บุคลากรไปกับงานที่ภาคส่วนอื่นสามารถให้ความช่วยเหลือได้ครับ และภาครัฐสามารถระดมบุคลากรและงบประมาณไปทำงานที่เป็นส่วนสำคัญของการป้องกันการแพร่ระบาดแทน

ผมคิดว่าในสถานการณ์แบบนี้ภาครัฐอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตัวเองมาทำหน้าที่ในการเป็นผู้ประสานงานที่ดีด้วย มากกว่าที่จะแสดงบทบาทนำเพียงอย่างเดียว เพราะหลายเรื่องภาคส่วนอื่นอาจทำได้ดีและประสิทธิภาพสูงมากกว่า

ซึ่งภาครัฐสามารถใช้ศักยภาพของภาคส่วนเหล่านี้ได้ เพื่อให้นำทรัพยากรและบุคลากรไปใช้ในเรื่องที่มีความจำเป็น อันจะช่วยให้การบริหารสถานการณ์โควิด19มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้ครับ

ผมมีความเชื่อว่า ในวันนี้ทุกภาคส่วนในประเทศไทยพร้อมร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือและสนับสนุนงานของภาครัฐครับ

 

#สนธิรัตน์

 

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นนักธุรกิจ เคยเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ ต่อมาเป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นางอรรชกา สีบุญเรือง) ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2558 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2559 เป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ

logoline