เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2564 นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอวังสะพุง มอบหมายให้นายวีระพล ใจดี และนายชาคริต ดาสว่าง ปลัดอำเภอวังสะพุง เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ผู้ฝ่าฝืนมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กับ ร.ต.อ.จักรชัย จันนา ร้อยเวรสอบสวน สภ.วังสะพุง จ.เลย ให้ดำเนินคดีกับนางสาวธัญวรินทร์ (สงวนนามสกุล) เนื่องจากไม่รายงานตัวต่อเจ้าหน้าหลังจากเดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
นายภูริวัจน์ โชตินพรัตน์ นายอำเภอวังสะพุง เปิดเผยว่า ก่อนที่จะตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว ซึ่งได้เดินทางจากกรุงเทพฯมาด้วยรถส่วนตัว เข้ามาในพื้นที่อำเภอวังสะพุงบ้านพักในสวนยางพารา ท้องที่หมู่ 6 ตำบลปากปวน อ.วังสะพุง เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม แต่ไม่มารายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ ที่ประกอบด้วย ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรือ อสม. ภายใน 3 ชั่วโมง นับตั้งแต่เดินทางเข้าพื้นที่จังหวัดเลย ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของจังหวัดเลยกำหนดไว้
ซึ่งผู้ใหญ่บ้านและคณะได้อำนวยความสะดวกแก่ บุคคลดังกล่าวโดยได้เข้าพบที่บ้าน เพื่อให้บริการรับรายงานตัว พร้อมขอให้บุคคลดังกล่าวแสดงผลการตรวจโควิด-19 เป็นลบภายในระยะเวลาไม่เกิน 72 ชั่วโมง หรือหากยังไม่ตรวจ ก็ขอให้เข้ารับการตรวจโรคด้วยชุดตรวจโควิด Antigen Test Kit หรือวิธี RT-PCR แต่หญิงรายนี้กลับไม่ให้ความร่วมมือ จนท.แจ้งกลับมายังนายอำเภอฯว่าไม่ยอมกักตัวและยังด่า จนท.อีกด้วย ตนจึงให้ จนท.ทีม 5 เสือ ไปบอกกล่าวให้เข้ามารายงานตัวมาพบนายอำเภอฯ ก็ยังด่าเจ้าหน้าที่อีกรอบที่ 2 เรื่องนี้เพียงขอให้กักตัวภายในบ้าน 14 วัน พร้อมกับขอให้ลงชื่อในเอกสารยินยอมในการกักตัว แต่บุคคลดังกล่าวกลับมีพฤติกรรมฝ่าฝืน ดื้อดึง ไม่รับฟัง ไม่ยอมเซ็นเอกสารใดๆ ต่อมา ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 ต.ปากปวน ได้แจ้งมายังตน ตนจึงมอบหมายให้ปลัดอำเภอร่วมกับคณะทำงานหมู่บ้านไปชี้แจง และทำความเข้าใจแก่บุคคลดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ยินยอมหรือให้ความร่วมมือปฏิบัติตามแนะนำของเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
ทางอำเภอวังสะพุงพิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า ตามประกาศจังหวัดเลยให้ดำเนินการกับทุกรายไม่ว่าจะเป็นใครใหญ่มาจากไหนไม่เลือกปฏิบัติโดยเด็ดขาด ยกเว้นเฉพาะบุคคลตามข้อยกเว้นในประกาศเท่านั้น บุคคลดังกล่าวรายนี้จึงมีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามประกาศจังหวัดเลย ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2564 จึงได้แจ้งความดำเนินคดีแก่บุคคลดังกล่าว ซึ่งระบุเป็นความผิดตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ คลิปวิดีโอขณะปลัดอำเภอและคณะเข้าไปพูดคุยขอความร่วมมือกับหญิงรายดังกล่าว มีการพูดจากับเจ้าหน้าด้วยอารมณ์โมโห ชี้หน้าด่าทอปลัดอำเภอว่าบุกรุก ไม่ยอมทำตามคำสั่งใดๆทั้งสิ้น เพราะการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นความผิดพลาดของรัฐบาล พร้อมบอกว่าให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมาหาเลย และจะเรียกผู้สื่อข่าวมาด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูล พบว่าหญิงคนดังกล่าว มีตำแหน่งเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการ ดูแลด้านปฏิบัติการออกอากาศ และเป็นคณะกรรมการบริหารสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งที่กรุงเทพมหานคร
สำหรับประกาศจังหวัดเลยที่ออกมาช่วงการระบาดของโรคเชื้อไวรัสโควิด -19 มีนายชัยธวัช เนียมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเลย ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดเลยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 มาตรา 34 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิถุนายน 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ โรคติดต่อจังหวัดเลย ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 42/2564 และคณะกรรมการศูนย์บริหารราชการฉุกเฉินการแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดเลย ครั้งที่ 3/2564 เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2564 หากผู้ใดฝ้าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม เป็นความผิดตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ถูกเฉิน พ.ศ 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
โดย - บุญชู ศรีไตรภพ