พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีการหลอกผู้เสียหายลงทุน 5 ธุรกิจ ที่คาดว่ามีความเสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท หลังมีการจับกุมนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก และผู้ร่วมกระทำผิดรวม 6 คน ได้ครบทั้งหมดไปเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการเร่งสอบสวนปากคำผู้เสียหายเพื่อนำไปสรุปพฤติการณ์ในคดี และความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งยืนยันว่าหลังมีการรับแจ้งความ ฝ่ายสืบสวนก็มีการติดตามสืบทรัพย์ผู้เสียหายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลการข่าวพบว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปตั้งแต่ช่วงที่เริ่มมีข่าวผู้เสียหายเข้าแจ้งความระยะแรกๆ ทำให้ทรัพย์ที่เหลืออยู่ในบัญชีมีไม่มาก ส่วนเรื่องโฉนดที่ดิน ยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบทรัพย์สินต่างๆ
ส่วนกรณีที่วานนี้นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำผู้เสียหาย เข้าร้องทุกข์กับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ก็เป็นการขอให้เร่งรัดคดี และติดตามอายัดทรัพย์ผู้ต้องหามาเฉลี่ยคืนผู้เสียหาย ซึ่งยืนยันว่ากำลังดำเนินการอยู่ โดนขณะนี้ยังต้องเน้นไปที่การสอบสวนผู้เสียหาย เพื่อดูว่าพฤติการณ์กระทำผิดจะเข้าข่ายเป็นความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ตั้งข้อสังเกตว่าคดีนี้น่าจะเข้าข่ายเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ เรื่องนี้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ บก.ปอศ. กำลังรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินการตรวจสอบอยู่ หากพบว่าหลักฐานเข้าข่ายความผิดใด ก็พร้อมจะดำเนินคดีทันที
อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ต้องหาที่คาดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในคดีนี้ พนักงานสอบสวนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาหลักฐานความเชื่อมโยง โดยเฉพาะผู้ให้การช่วยเหลือต่างๆ เช่น ผู้ที่ช่วยยักย้ายถ่ายโอนทรัพย์สิน หรือช่วยในการกระทำผิด หากพบว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนก็จะดำเนินคดีทุกราย