ข้อมูลเฮท สปีชที่เฟซบุ๊กเปิดเผยเป็นการรวบรวมข้อมูลในช่วงไตรมาสสามหรือช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนที่ผ่านมา พบว่า ทุกๆ 10,000 เนื้อหาที่มีการตรวจสอบ จะพบเนื้อหาที่เข้าข่ายเฮท สปีชราว 10-11 ชิ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 0.1 เปอร์เซ็นต์ โดยในช่วงเวลาเดียวกัน เฟซบุ๊กได้มีมาตรการ "จัดการ" เนื้อหาเหล่านี้ เช่น การลบโพสต์, ขึ้นคำเตือน, ระงับบัญชีผู้ใช้, และส่งต่อให้กับหน่วยงานภายนอก ถึง 22.1 ล้านชิ้น ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ 22.5 ล้านชิ้นในช่วงไตรมาสก่อนหน้า ในจำนวนนี้เกือบ 95 เปอร์เซ็นต์เป็นการ "ตรวจพบล่วงหน้า" โดยเทคโนโลยีเอไอตั้งแต่ก่อนที่จะมีผู้ใช้งาน "กดปุ่มรายงาน"
ขณะเดียวกันเฟซบุ๊กยังเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ "การแทรกแซงการเลือกตั้ง" ในสหรัฐฯ ด้วย โดยมีการลบโพสต์ทั้งในเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมกว่า 265,000 ชิ้น ระหว่างวันที่ 1 มี.ค.- 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนเนื้อหาลามกอนาจารหรือเนื้อหาที่รุนแรงและโหดร้าย เฟซบุ๊กได้ลบไป 19.2 ล้านชิ้นในช่วงไตรมาสที่สาม เพิ่มขึ้นจาก 15 ล้านชิ้นในช่วงไตรมาสที่สอง
สถิตินี้บ่งชี้ว่า เฟซบุ๊กสามารถรับมือกับเฮท สปีชได้ดีขึ้นอย่างมาก จากที่เคยตรวจจับล่วงหน้าได้เพียง 24 เปอร์เซ็นต์เมื่อ 3 ปีที่แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับ "ข้อความที่ฝังอยู่ในภาพ" ได้อีกด้วย โดยต่อจากนี้เฟซบุ๊กจะพัฒนาระบบเอไอให้สามารถตรวจจับเฮท สปีชได้หลากหลายภาษามากกว่านี้ ขณะที่เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กได้จัดโครงการประกวดแข่งขันเฟ้นหาระบบใหม่เพื่อมาจัดการกับ "มีม" ที่สร้างความเกลียดชังด้วย
อย่างไรก็ตามเฟซบุ๊กยอมรับว่า การรับมือกับเฮท สปีชยังมีข้อจำกัดอีกมาก เช่น เฮท สปีชที่อิงกับกระแสข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นาน, รูปแบบของเฮท สปีชที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ, ไปจนถึง "การนิยาม" เนื้อหาที่เข้าข่ายเฮท สปีชของเฟซบุ๊กเองด้วย
ปัจจุบันเฟซบุ๊กและโซเชียลมีเดียอื่นๆ กำลังเจอกับแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ให้จัดการเฮท สปีชให้อยู่หมัด อย่างเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส.ว.สหรัฐฯ 15 คน ได้กดดันมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กให้ชี้แจงประเด็นการตรวจสอบเนื้อหาที่เข้าข่ายโจมตีชาวมุสลิมทั่วโลก ขณะที่เมื่อไม่กี่เดือนก่อน กลุ่มเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมในนาม Anti-Defamation League หรือ "สันนิบาตต่อต้านการใส่ร้าย" ได้เรียกร้องให้บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกร่วมกัน "บอยคอตต์" ไม่ลงโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กจนกว่าจะจัดการกับเฮท สปีชได้ดีกว่านี้
ล่าสุดโฆษกของกลุ่ม Anti-Defamation League กล่าวถึงรายงานเฮท สปีชของเฟซบุ๊กว่า ทางกลุ่มยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะเฟซบุ๊กยังไม่ได้เปิดข้อมูลในฝั่งผู้ใช้งานที่ "กดปุ่มรายงาน" ว่ามีมากแค่ไหนและเฟซบุ๊กได้ตอบรับอย่างไร เพราะเฮท สปีชมีมากมายหลายรูปแบบ และทางกลุ่มเคยตรวจสอบพบว่า มีเนื้อหาเฮท สปีชจำนวนหนึ่งที่ยังไม่ถูกลบแม้มีผู้รายงานไปแล้วก็ตาม และที่สำคัญ รายงานดังกล่าวเป็นการเปิดเผยโดยเฟซบุ๊กเอง ยังไม่ได้ผ่านการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระภายนอก ด้านเฟซบุ๊กยืนยันว่า การตรวจสอบโดยองค์กรภายนอกกำลังดำเนินอยู่และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปีหน้า