หลังจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แจ้งข้อมูลการร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินเบี้ยเลี้ยงตำรวจช่วงสถานการณ์โควิด19ที่จ่ายให้ข้าราชการตำรวจที่ลงนามรับเงินเต็มจำนวน แต่ได้รับคำสั่งให้มีการนำเงินที่ได้รับเกิน 1.5 หมื่นบาทส่งคืน โดยอ้างว่าเป็นนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้มีการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 ต.ค.63 พลตำรวจตรีธรรมนูญ ประยืนยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด 3 ประเด็นหลักคือ1. พลตำรวจโท กิตต์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้มอบหมายให้ พลตำรวจตรี อภิชาติ บุญศรีโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ติดตามควบคุมสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อให้ได้ข้อเท็จ จริงปรากฎโดยเร็วที่สุด ตลอดจนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยจเรตำรวจเข้าตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง
2. ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงพ.ต.อ. สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ทุ่งสง และพ.ต.ต. สุนิตย์ ยกชม สารวัตรธุรการ สภ.ทุ่งสง ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 1340/2563 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2563 ว่ามีมูลการกระทำผิดจริงหรือไม่ โดยรายงานผลให้พล.ต.ต. ธรรมนูญ ประยืนยง ผบก.นครศรีธรรมราช ทราบโดยเร็วที่สุด และให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงรายงานผลให้ทราบเป็นระยะหรือทุก 7 วัน หากตรวจพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญากับข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องทุกราย
3. ตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.ทุ่งสงและ พ.ต.ต. สุนิตย์ ยกชม สารวัตรธุรการสภ.ทุ่งสง เดินทางมาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช (ศปก.ฯ) ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 1341/2563ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2563 โดยขณะนี้ได้มีคำสั่งที่1342/2563 ลงวันที่ 14 ตุลาคม 2563 มอบหมายให้ พ.ต.อ. สุขเกษม นครวิลัย รองผบก.นครศรีธรรมราช รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งสง อีกหน้าที่หนึ่ง
ส่วนความเคลื่อนไหวที่ สภ.ทุ่งสง เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ให้ข้อมูลแจ้งว่าพร้อมที่จะให้ประธานคณะกรรมการสอบสวนเข้าทำการสอบสวนอย่างละเอียด และพร้อมให้ข้อมูลทุกประการ สำหรับวงเงินที่มีการโอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีการโอนให้เต็มจำนวนประมาณ 35,000 บาทต่อนาย หลังจากนั้นจะมีการสั่งให้โอนเงินคืนผ่านบัญชีของเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องอย่างน้อย 2 คน ซึ่งบางคนก็ได้โอนเงินคืนไปแล้วบางคนไม่โอนเนื่องจากเห็นว่าเป็นเงินที่เจ้าหน้าที่มีสิทธิได้รับโดยชอบธรรม ไม่จำเป็นต้องโอนเงินคืน ซึ่งผู้ที่ไม่โอนเงินคืนบางนายถูกสับเปลี่ยนหน้าที่ไปประจำอยู่ยังป้อมยามประจำตำบลโดยไม่ทราบสาเหตุ