วันที่ 26 มิถุนายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระอธิการพินิจศักดิ์ ฉันทโก เจ้าอาวาสวัดถ้ำพรุตะเคียน หมู่ที่ 8 ต.สลุย อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร พร้อมด้วยคณะสงฆ์ ได้ไปพร้อมกันที่อาคารโขติโก สถานที่เก็บสรีระสังขาร พระครูโสตถยาธิคุณ (หลวงพ่อโปร่ง โชติโก) อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำพรุตะเคียน ที่ละสังขารไปเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562 เพื่อถวายการทำความสะอาดสรีระสังขาร
แต่สิ่งที่ได้พบ สรีระของหลวงพ่อโปร่ง มีวัตถุสีขาวจับอยู่ที่สรีระตั้งแต่เศียรตามร่างกาย แขน ขา จนถึงปลายเท้า สร้างความประหลาดใจให้กับคณะสงฆ์ที่ไปปฏิบัติ สิ่งที่สำคัญเส้นเกศา (ผม) ของหลวงพ่อได้ยาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเดิมก่อนหน้านี้ได้มีการถวายการทำความสะอาดไปแล้ว 1 ครั้ง ด้วยการนำเชื้อราที่เกาะอยู่ตามสรีระออกไป
จนมาถึงวันที่จะถวายทำความสะอาดครั้งปัจจุบัน ก็ได้พบกับสิ่งอัศจรรย์ที่เกิดขึ้น พบว่าผิวของหลวงพ่อเป็นสีแดงคล้ายกับทับทิมใสจนเห็นกระดูก พระเถรานุเถระ คณะสงฆ์ ได้ลงความเห็นพิจารณาแล้วว่า ไม่ควรไปทำความสะอาดสรีระ เพราะวัตถุสีขาวที่เห็นบนสรีระสังขารหลวงพ่อโปร่ง อาจจะเป็นพระธาตุเสด็จมาสถิตอยู่หรือสรีระอาจจะกลายเป็นพะธาตุ
คณะสงฆ์จึงลงความเห็นว่าจะไม่ปิดทองเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เห็นเนื้อแท้ขององค์หลวงพ่อ สร้างความปิติยินดีให้กับคณะสงฆ์ และบรรดาพุทธศาสนิกชน ที่เข้ามากราบสักการะ ปัจจุบันสรีระหลวงพ่อโปร่ง โชติโก ประดิษฐานในโลงแก้ว ที่วิหารโชติโก เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เดินทางมากราบสักการะบูชา ขอพร ได้ทุกวัน
สำหรับหลวงพ่อโปร่ง โชติโก หรือพระครูโสตถยาธิคุณ เป็นพระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน องค์แรกที่ได้รับพระราชทานพัดขาวจังหวัดชุมพร ประวัติ หลวงพ่อโปร่ง ได้อุปสมบทกับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง จ.สมุทรสงคราม เมื่อเรียนวิชาแล้วได้ขอหลวงพ่อสุด ออกธุดงค์ ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อดาบส สุมโน อาศรมเวฬุวัน จ.เชียงราย
จากนั้นเดินธุดงค์ในป่าดงดิบภาคตะวันตกรอยต่อไทยพม่า ผ่านหมู่บ้าน มอญ พม่า กะเหรี่ยง บางครั้งพบเสือสมิงที่ดุร้าย แต่ไม่สามารถทำอันตรายหลวงพ่อได้ เพราะมีตบะฌานที่แก่กล้าและ มีนายพรานชาวกระเหรี่ยงนำหนังเสือ ที่ลงอาคมจากฝั่งพม่า มาถวายหลวงพ่อติดตัวไว้ จึงสามารถกันอันตรายได้ทำให้รอดพ้นจากสัตว์ร้ายต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนกระทั้งเดินธุดงค์มาที่ถ้ำเขาพลูเรียนกรรมฐานกับหลวงปู่เภา และเดินทางกลับไปเรียนวิชากับ หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ จนกระทั่งเดินธุดงค์มาพบกับถ้ำพรุตะเคียน ทำให้มีผู้ที่เลื่อมใสศรัทธามาก
จนกระทั่งชาวบ้านได้ขอให้หยุดธุดงค์ และช่วยกันสร้างสำนักสงฆ์ให้หลวงพ่อ ซึ่งท่านมีเมตตาธรรมและบุญบารมี จึงเกิดแรงศรัทธาสร้างวัดขนาดใหญ่ ได้อย่างรวดเร็วถึง 3 วัด คือ วัดพรุตะเคียน วัดช่องมุด และ วัดเขาเจดีย์ นอกจากนี้ยังได้ บริจาคทรัพย์สร้างตึกผู้ป่วย โรงพยาบาลหลายแห่ง ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ สร้างโรงเรียน สร้างถนนให้กับชุมชน จนกระทั้งท่านละสังขาร
ในวันที่ทำพิธีบรรจุสังขารหลวงพ่อไว้ในโลงแก้ว ได้เกิดสิ่งอัศจรรย์คล้ายเสือได้กระโดดออกมาจากโลงทองหลวงพ่อด้านปลายเท้า ทำให้บรรดาเซียนพระต่างวิ่งหาวัตถุมงคลรุ่นที่มีเสือของหลวงพ่อทุกรุ่นที่หลวงพ่อได้เคยปลุกเสก ส่วนหนึ่งเก็บไว้ในวัดถ้ำพรุคะเคียนเพื่อแจกให้กับลูกศิษย์ลูกหา เชื่อกันว่าจะสามารถคุ้มครอง ส่งผลให้มีโชคลาภตลอดปี และทำมาค้าขายได้ดี