เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 เมษายน 2563 จากกรณีที่หน่วยศัลยกรรมอุบัติเหตุ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จังหวัดปทุมธานี แจ้งเตือนว่า ช่วงนี้หน่วยงานราชการมีการแจกน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดสำหรับฆ่าเชื้อโควิด ซึ่งใส่มาในขวดน้ำดื่มที่มีอยู่ทั่วไปในตลาด ทำให้มีคนเข้าใจผิดกินน้ำยานี้เข้าไป เพราะคิดว่าเป็นน้ำดื่ม เฉพาะสัปดาห์นี้มีผู้กินน้ำยานี้เข้าไปมารักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ จำนวน 6 รายแล้ว และคาดว่าจะมาอีกเรื่อย ๆ จึงอยากขอเตือนหากได้น้ำยามา ควรรีบนำฉลากมาติดให้เรียบร้อยและอย่านำขวดน้ำยานี้ไปวางปะปนกับขวดน้ำดื่ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์อมรพล กันเลิศ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า เนื่องจากมีหน่วยงานราชการได้บรรจุน้ำยาฆ่าเชื้อในบรรจุภัณฑ์เครื่องดื่มธรรมดา จากที่เห็นจะขาวใสไม่มีสีไม่มีกลิ่น มีแต่รสชาดเฝื่อนเมื่อดื่มเข้าไป เมื่อมีผู้สูงอายุรับน้ำยาฆ่าเชื้อมาแล้วนำไปไว้ในบ้าน ลูกหลานวัยทำงานที่กลับมาจากบ้านไม่รู้จึงได้หยิบดื่ม ทั้ง 6 เคส ที่เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เกิดมาจากการหยิบดื่มโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อหยิบดื่มแล้วพบว่ารสชาติไม่เหมือนน้ำเปล่า มีอาการแสบร้อนในคอ คลื่นไสอาเจียน จากการตรวจพบว่าเกินจากการกลื่นสารกัดกร่อนแต่เป็นสารแบบอ่อน ที่ละลายมาในความเข้มข้นที่ไม่มาก ทั้งนี้สารละลายมีองค์ประกอบหลายอย่างแล้วแต่ยี่ห้อ ซึ่งผู้ผลิตไม่ได้ระบุในฉลากที่มอบให้กับประชาชน จากที่ส่องกล้องตรวจดูอาการพบการอักเสบเบื้องต้นในชั้นพื้นผิวของหลอดอาหารและกระเพาะอาหารเท่านั้น ระดับความรุนแรงของอาการไม่มากอยากฝากถึงหน่ายงานต่าง ๆ ที่ได้นำน้ำยาฆ่าเชื้อบรรจุขวดแล้วแจกให้ประชาชน ให้ติดฉลากที่บรรจุภัณฑ์ที่ชัดเจน ว่าเป็นสารอันตราย มีองค์ประกอบส่วนผสมอะไรบ้าง โดยต้องบอกอัตราส่วนผสมของสารละลายด้วย เมื่อผู้ป่วยได้ดื่มไปแล้วทางทีมแพทย์จะได้ดูแลรักษาได้อย่างถูกต้องและครอบคลุม การที่นำน้ำยาฆ่าเชื้อมาบรรจุในขวดน้ำดื่มทำให้สับสนกับเครื่องดื่มปกติได้ง่ายมาก จึงอยากให้เปลี่ยนแปลง 2 ส่วน คือ 1.บรรจุภัณฑ์ให้แตกต่างแยกจากเครื่องดื่มปกติหรือใส่สีเพื่อความแต่งต่างจากน้ำดื่ม 2.ฉลากให้ระบุสัดส่วนผสมองค์ประกอบที่ชัดเจนเมื่อประชาชนเผลอดื่มน้ำยาฆ่าเชื้อเหล่านี้ไปแล้ว อย่ากระตุ้นให้มีอาการอาเจียร เนื่องจากเมื่อมรการอาเจียรจะเป็นการทำให้บาดเจ็บซ้ำ เพราะสารกัดกร่อนที่ผ่านหลอดอาหารไปจะกลับมาผ่านซ้ำ การรับประทานไข่ขาว การดื่มน้ำสด ดื่มน้ำมาก ๆ หรือการล้วงคอให้อาเจียน ไม่ควรทำทั้งสิ้น เมื่อกลืนลงคอไปแล้วควรให้รีบมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลให้เร็วที่สุด