อู่ฮั่นยังถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางด้านเศรษกิจของจีนไม่แพ้ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง หรือเซินเจิ้น โดยถูกจัดเป็นเมืองเศรษกิจอันดับที่ 8 จากการจัดอันดับเมืองเศรษกิจของจีนในปี 2019 เพราะนอกจากจะเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ขนาดใหญ่ที่มีความได้เปรียบจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสำคัญในมณฑลหูเป่ย เช่น เหล็กกล้า และยิปซั่ม จึงกลายเป็นที่ตั้งของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ชั้นนำหลายร้อยแห่ง อู่ฮั่นยังมีเขตอุตสาหกรรมด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อุตสาหกรรมการส่งออก และอุตสาหกรรมด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งสามารถดึงดูดบริษัทต่างชาติให้เข้ามาลงทุนได้อย่างล้นหลาม และในอดีตยังเคยเป็นเมืองที่ทันสมัยในระดับต้นๆของเอเชียจนได้ชื่อว่าเป็นชิคาโกแห่งตะวันออกอีกด้วย
จากทำเลที่ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศ และมีแม่น้ำแยงซีไหลผ่านเป็นทางออกไปสู่ทะเล ยังทำให้อู่ฮั่นเป็นศูนย์กลางการคมนาคมและขนส่งที่สำคัญ ทั้งทางน้ำที่มีท่าเรือขนาดใหญ่เป็นศูนย์กลางขนถ่ายสินค้าระหว่างภูมิภาค ทางบกที่มีทั้งรถไฟความเร็วสูง เครือข่ายมอเตอร์เวย์ที่เชื่อมไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ สะพานข้ามแม่น้ำแยงซีซึ่งมีทั้งหมด 7 สะพาน และ 1 อุโมงค์ และทางอากาศที่มีสนามบินนานาชาติอู่ฮั่นเทียนเหอ เชื่อมต่อเมืองหลักใน 5 ทวีปทั่วโลก
ขณะเดียวกันอู่ฮั่นยังเป็นเมืองที่มีประวัติยาวนานกว่า 3,500 ปี และถูกพูดถึงในประวัติศาสตร์สามก๊กช่วงปลายราชวงศ์ฮั่น โดยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในยุทธการผาแดง หรือ ศึกเซ็กเพ็ก หรือที่คนไทยรู้จักกันดีว่าเป็นเหตุการณ์ โจโฉแตกทัพเรือ ซึ่งผาแดงนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแยงซีห่างจากตัวเมืองอู่ฮั่นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 36 กม. และยังมีหลักฐานที่บันทึกไว้ว่าในเหตุการณ์โจโฉแตกทัพเรือนั้นแท้ที่จริงแล้วมีสาเหตุจากโรคระบาดที่เกิดขึ้นกับกองเรือของโจโฉที่เข้ามาในพื้นที่ของอู่ฮั่นในขณะนั้น คาดว่าอาจเป็นโรคพยาธิ ใบไม้ในเลือดที่เคยมีการแพร่ระบาดในมณฑลหูเป่ยและมลฑลหูหนันมาก่อน
นอกจากนี้ก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างหวงเฮ่อโหลว หรือ หอกระเรียนเหลือง หนึ่งในสามหอโบราณที่สวยที่สุดของจีน และถือเป็นแลนด์มาร์คหรือสัญลักษณ์ประจำเมืองของอู่ฮั่น สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยสามก๊ก เพื่อใช้เป็นป้อมสังเกตการณ์ศัตรูโดยซุนกวน เคยถูกเผาทำลายระหว่างการสู้รบและมีการสร้างใหม่ภายหลังโดยเลียนแบบโครงสร้างไม้ของเดิม
สุดท้ายคืออาหารขึ้นชื่อของอู่ฮั่นอย่างเล่อกันเมี่ยน หรือบะหมี่แห้งร้อน ที่ใช้เส้นบะหมี่ทรงกลมลวกแล้วคลุกกับน้ำมันงาและเครื่องปรุงรส ถือเป็นเมนูประจำถิ่นที่นักท่องเที่ยวต้องลองชิมและเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเมืองนี้ด้วยอย่างที่เห็นว่าก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา อู่ฮั่นไม่ใช่เมืองที่น่ากลัวหรือเมืองร้างแบบภาพที่แชร์กันบนโลกอินเตอร์เน็ต แต่เป็นเมืองแห่งเศรษกิจ การลงทุน คมนาคม และการท่องเที่ยวที่เต็มไปด้วยสีสัน ก็คงต้องเอาใจช่วยให้ชาวอู่ฮั่นและชาวจีนผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ และทำให้อู่ฮั่นกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยเร็ว