แต่มันอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ุใหม่ในจีนเพิ่มเป็น 6 รายแล้ว และติดเชื้อมากกว่า 300 คน มีในประเทศไทยด้วย ขณะที่องค์การอนามัยโลกเตรียมพิจารณาประกาศให้การระบาดนี้ เป็นภาวะฉุกเฉินโลก
ไวรัสโคโรน่า หรือที่เรียกกันตามสถานที่เกิดระบาด คือ "ไวรัสอู่ฮั่น" ตัวใหม่นี้เชื่อกันว่ามีต้นตอการระบาดมาจาก "ตลาดขายของป่า" แห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน หลายฝ่ายกังวลว่าลักษณะการระบาด อาจจะคล้ายกับโรคซาร์ส ที่เกิดเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว
ย้อนไปในปี 2548 มีงานวิจัยสองชิ้นระบุถึงโคโรนาไวรัสที่คล้ายกับโรคซาร์สจำนวนหนึ่งถูกพบใน "ค้างคาว" ที่ประเทศจีน จากการวิเคราะห์สายวิวัฒนาการของไวรัสเหล่านี้บ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ "ไวรัสโคโรนา" จะคล้ายกับ "โรคซาร์ส" ที่มาจากค้างคาวและแพร่กระจายไปยังมนุษย์ ไม่ว่าโดยตรงหรือผ่านอาหารป่าที่วางขายในตลาดจีน
สถานการณ์ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 3 - 21 มกราคม 2563 คัดกรองไปแล้วจำนวน 123 เที่ยวบินจากเมืองอู่ฮั่น ผู้โดยสารและลูกเรือทั้งสิ้น 19,480 ราย
นักท่องเที่ยวชาวจีน 2 ราย ที่ได้รับการตรวจยืนยัน แพทย์ได้ให้การรักษาหายและส่งกลับประเทศแล้ว ในรอบสัปดาห์นี้พบผู้ป่วยอีก 2 รายรายแรกเป็นหญิงไทยมีประวัติไปเที่ยวที่เมืองอู่ฮั่น รับการตรวจรักษาที่รพ.นครปฐม ขณะนี้อาการดีขึ้นแล้ว
ส่วนรายที่ 2 เป็นนักท่องเที่ยวจีนเป็นผู้ชาย ถูกตรวจคัดกรองมีไข้สูงที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 19 มกราคม ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร "ผลการตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่"
"ทีมวิจัยจุฬาฯ" เฝ้าระวังโรคติดต่ออุบัติใหม่ ได้ถอดรหัสพันธุกรรมของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่ไทย และนำไปเปรียบเทียบกับฐานข้อมูลกลางของจีนที่ถอดรหัสพันธุกรรมไว้ พบว่า เชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ไทยถอดรหัสพันธุกรรมมีความใกล้เคียงกับที่จีน ซึ่งเป็นไวรัสโคโรน่าที่พบอยู่ใน "ค้างคาว" แต่พาหะนำเชื้อเข้าสู่คนยังไม่สามารถยืนยันข้อมูล
แต่ล่าสุดเรื่องนี้ "ผู้เชี่ยวชาญของจีน" ยืนยันหลังจากตรวจสอบหลักฐานที่เก็บรวบรวมจากเมืองอู่ฮั่น ซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาด ว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ "สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้"
"วชิรวิทย์รายวัน" ตั้งข้อสังเกตว่า "ภาวะโลกร้อน" อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ แบคทีเรีย เชื่อไวรัส และโรคติดต่อต่างๆ เติบโต แพร่กระจายไปสู่ส่วนอื่นๆ ของโลกมากขึ้น
ไวรัสบางชนิดเติบโตได้ดีภายใต้สภาพ แวดล้อมที่ชื้นแฉะ และยิ่งแพร่กระจายออกไปในพื้นที่ชื้น แต่บางอย่างก็เติบโต ในสภาพแห้งแล้ง สิ่งที่น่ากังวลก็คือสภาวะโลกร้อนจะส่งผล ให้เชื้อโรคเหล่านั้น ลุกลามไปยังพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดโรคติดต่อชนิดนั้นมาก่อน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เราจึงไม่ควรปล่อยให้ อาการแปลกปลอมที่อาจจะมาจากเชื้อไวรัสตัวใหม่ แพร่กระจายหรือติดต่อในวงกว้างมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขในทั่วประเทศทำอยู่ในเวลานี้คือการคัดกรองผู้ป่วย แล้วถ้าหากเจอจะต้องมีการกักบริเวณเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจาย ทำการรักษาอย่างละเอียดที่สุด
ในช่วงเทศกาลตรุษจีน นี้กระทรวงสาธารณสุขบ้านเรา ได้สั่งการให้สถานพยาบาลทุกแห่งยกระดับมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค ตามมาตรฐานสูงสุดที่ใช้สำหรับโรคติดต่ออุบัติใหม่ พร้อมยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเพื่อตอบโต้สถานการณ์เป็นระดับ 3 รวมทั้งเพิ่มระบบการคัดกรองที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในสนามบินทั้ง 5 แห่ง เฝ้าระวังผู้ป่วยทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน มีระบบคัดแยกโรคและผู้ป่วยที่รวดเร็ว จัดทีมแพทย์พยาบาลและบุคลากรที่ผ่านการอบรมในการวินิจฉัยโรค ตรวจทางห้องปฏิบัติการทราบผลใน 24 ชั่วโมง จัดให้มีแนวทางการรักษาพยาบาลตามมาตรฐานสากล พร้อมประสานกระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แจ้งบริษัททัวร์เฝ้าระวังดูแลนักท่องเที่ยว ทั้งที่เดินทางมาในประเทศไทยและคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ
สำหรับประชาชนขอให้ระมัดระวังการติดเชื้อ
1) หลีกเลี่ยงการไปตลาดที่ขายซากสัตว์ป่าหรือสัตว์ที่มีชีวิต
2) หลีกเลี่ยงที่ที่มีผู้คนจำนวนมาก
3) ไม่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม หรือมีน้ำมูก
4) สวมหน้ากากอนามัย
5) ล้างมือบ่อยๆ กินอาหารปรุงสุกร้อน
6) ผู้ที่มีอาการไข้ กับอาการ ไอ จาม มีน้ำมูก เหนื่อยหอบ และมีประวัติเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่น ให้รีบไปโรงพยาบาล พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางไปต่างประเทศให้แพทย์ทราบ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป สงสัยสอบถามสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422
#วชิรวิทย์ #วชิรวิทย์รายวัน #Vajiravit #VajiravitDaily #Nation #NationTV22