1. โรคทางเดินหายใจ
นพ.อิทธิชัย วัชรีคุปต์ แพทย์สาขาอายุรกรรมทั่วไป แผนกประกันสังคม รพ.กล้วยน้ำไท 1 ออกโรงเตือนว่า ด้านในโพรงจมูกของคนเรามีเส้นเลือดแดงขนาดเล็ก และผนังบางจำนวนมากเพื่อทำหน้าที่ปรับอากาศที่เย็น หรือแห้งจากภายนอกให้มีความอบอุ่นและความชื้นเหมาะสมกับอุณหภูมิของร่างกาย
แต่ในสภาพอากาศที่ค่อนข้างเย็น โดยเฉพาะหากมีอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส เซลล์ต่าง ๆ อย่างเซลล์เยื่อบุโพรงจมูก คอ หลอดลม ฯลฯ จะแห้งลงกว่าเดิม ทำให้ไม่มีเมือกมาป้องกันเซลล์จากเชื้อโรค เชื้อโรคจึงสัมผัสกับเซลล์ได้โดยตรง โดยเฉพาะอากาศที่เย็น เพราะเครื่องปรับอากาศและไม่มีการถ่ายเทภายในห้อง เชื้อไวรัสจะเจริญเติบโตได้ดีมากเป็นพิเศษ ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ก่อให้เกิดโรคหวัด ภูมิแพ้ คัดจมูก แสบจมูก หรือเกิดการอักเสบในระบบทางเดินหายใจได้
2. โรคลีเจียนแนร์
โรคติดเชื้อแบคทีเรียเฉียบพลัน โดยมีต้นเหตุคือเชื้อลีเจียนแนร์ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบในเครื่องปรับอากาศขนาดใหญ่ที่มีหอผึ่งเย็น เช่น ในห้างสรรพสินค้า ในอาคาร ในฮอลล์ หรือในโรงงานอุตสาหกรรม ก่อให้เกิดอาการเบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะ โดยอาการจะรุนแรงขึ้นภายในหนึ่งวัน ผู้ป่วยอาจมีไข้สูงประมาณ 39 องศาเซลเซียส มีอาการไอแห้ง ๆ ปวดท้อง หรือบางรายมีอาการท้องร่วงร่วมด้วย โดยกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ส่วนหนุ่ม-สาวพบป่วยโรคนี้ได้น้อยมาก
แบคทีเรียลีเจียนแนร์มักจะแฝงตัวมากับอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ ยิ่งหากอยู่ในห้องที่มีความอับชื้นสูงอย่างห้องปรับอากาศ โดยที่เครื่องปรับอากาศก็ไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างเหมาะสม เจ้าเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อาจจู่โจมร่างกายเราได้ง่ายขึ้น เป็นต้นเหตุของอาการปอดอักเสบ หรือปอดมีจุดขาว ๆ ที่หากลามไปกินเนื้อปอดทั้งสองข้างก็อาจนำมาซึ่งภาวะการหายใจล้มเหลวได้
ส่วนเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก ๆ ที่ใช้ตามบ้าน ตามห้อง จะไม่ก่อให้เกิดโรคลีเจียนแนร์ได้ค่ะ
3. โรคไข้ปอนเตียก
โรคนี้ไม่ใช่โรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่เป็นโรคที่เกิดจากการที่ร่างกายแสดงปฏิกิริยาต่อแอนติเจนที่สูดหายใจเข้าไป ซึ่งแม้จะไม่ก่อให้เกิดอาการปอดบวม แต่หากปล่อยให้อากาศปนเชื้อโรคจากแอร์เข้ามาทำให้ป่วย บอกเลยว่าคงต้องทนไม่สบายกายไปประมาณ 2-5 วัน แล้วจากนั้นอาการจะค่อย ๆ หายไปได้เอง
4. โรคจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา
ไม่ว่าจะเป็นวัณโรค อีสุกอีใส หืดหอบ ปอดบวมบายใจเฉิบ
5. ผื่นแพ้ ผิวหนังอักเสบ
แม้เครื่องปรับอากาศจะทำให้คลายร้อนลงได้ แต่อย่าลืมว่าแอร์ยังแฝงไปด้วยเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ที่ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อสุขภาพแทบทั้งสิ้น อีกทั้งในสภาพอากาศเย็น ๆ ก็ย่อมเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคอยู่แล้ว โดยเฉพาะหากเปิดแอร์แล้วได้กลิ่บอับ นั่นแปลได้ว่าเครื่องปรับอากาศของคุณมีเชื้ออันตรายแฝงอยู่มากจนล้นออกมาแสดงตัวด้วยกลิ่น นอกจากจะเสี่ยงโรคทางเดินหายใจแล้ว อากาศเย็น ๆ ปนเชื้อโรคจากแอร์ที่มาโลมเลียผิวกาย อาจทำให้เสี่ยงต่อโรคผิวหนังอักเสบและผื่นคันได้ด้วย
6. โรคตึกเป็นพิษ
อากาศเย็น ๆ ที่ออกมาจากเครื่องปรับอากาศก็อาจก่อให้เกิดโรคตึกเป็นพิษ หรือ Sick Building Syndrome (SBS) ได้ โดยเฉพาะหากในอาคารนั้นมีกลิ่นแปลกปลอมอื่น ๆ เช่น สารระเหยจากสีทาผนัง เครื่องซีร็อกซ์ พรินเตอร์ ไม้อัด สารเคลือบเงาทั้งหลาย หรือแม้กระทั่งไรฝุ่นในพรมรวมอยู่ด้วย ก็อาจทำให้เกิดอาการอ่อนล้า ปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้ คัดจมูก ไอ จาม เกิดผดผื่นคัน ระคายเคืองดวงตา และมีความผิดปกติของประสาทรับกลิ่นขึ้นมาได้
นอกจากนี้การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Epidemiology เมื่อปี 2004 ยังชี้ชัดว่า คนที่ทำงานในห้องแอร์มีความเสี่ยงต่ออาการป่วยสูงกว่าคนที่ทำงานกลางแจ้งไม่น้อยเลยทีเดียว
7. ภาวะติดเชื้อ
สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมแห่งสหรัฐฯ (The Environmental Protection Agency : EPA) เผยข้อมูลที่น่าตกใจมาว่า จริง ๆ แล้วอากาศภายในห้องแอร์อาจเป็นมลพิษมากกว่าอากาศภายนอกหลายเท่าตัว เนื่องจากเครื่องปรับอากาศจะหมุนเวียนอากาศภายในห้องมาเป็นลมเย็น ๆ ซึ่งเท่ากับว่าในห้องแอร์นั้น ๆ ไม่ได้มีอากาศถ่ายเทจากที่ไหนเลย
ดังนั้นร่างกายของคนที่อยู่ในห้องแอร์ ยิ่งกับคนที่อยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ก็เสี่ยงจะติดเชื้อโรคที่ไหลเวียนอยู่ทั้งในห้องและเครื่องปรับอากาศได้มากขึ้น มีแนวโน้มจะเกิดอาการติดเชื้อได้มากกว่าคนที่อยู่กลางแจ้ง โดยเฉพาะกับคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือไม่ได้ค่อยได้ออกกำลังกายอยู่แล้ว
8. ผิวแห้ง
การอยู่ในห้องปรับอากาศจะทำให้เราสูญเสียน้ำในร่างกายมากขึ้น เนื่องจากความเย็นจะทำให้อากาศแห้ง ดังนั้นหากอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ โอกาสที่ผิวจะแห้งกร้านและก่อให้เกิดอาการคันก็จะมากขึ้นไปด้วย ซึ่งหากมีอาการคันแล้วไม่เกาก็อาจไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไร ทว่าหากรู้สึกคันจากการที่ผิวแห้งตึงและเกาจนผิวมีรอยถลอก แบบนี้โอกาสติดเชื้อทางผิวหนังก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัวนะจ๊ะ
9. อ้วนขึ้น
งานวิจัยจาก University of Alabama รัฐเบอร์มิงแฮม ระบุชัดเจนถึงประเด็นการอยู่ห้องแอร์สามารถทำให้อ้วนขึ้น ได้ โดยเผยว่า การอยู่ในสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศคอยควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในองศาพอเหมาะ ร่างกายก็ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้เรา ลดโอกาสในการเบิร์นหรือได้ดื่มน้ำเยอะขึ้นแทนที่จะกินจุบจิบ อีกทั้งส่วนมากอากาศสบาย ๆ ยังจะคอยยุยงให้เราเพลิดเพลินกับการกินได้มากขึ้น ในขณะที่ร่างกายก็จะรู้สึกขี้เกียจมากขึ้นไปด้วย และปัจจัยเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้น้ำหนักขึ้นโดยไม่รู้ตัว !
แม้ว่าการอยู่ในห้องแอร์อาจจะมอบความเย็นกายให้เราได้ แต่เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคงไม่สบายใจแน่ ๆ ใช่ไหมคะ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้ในเบื้องต้นก็คือพยายามออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้าง และหากจำเป็นต้องอยู่ในห้องแอร์จริง ๆ ก็อย่าลืมล้างฟิลเตอร์เครื่องปรับอากาศเป็นประจำด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหะนำโรค กระทรวงสาธารณสุข - สสส.