นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตส.ส.พะเยา ชี้แจงในเช้าวันนี้ (11 ส.ค.61) ว่า เช้านี้ขออนุญาตชี้แจงเรื่องที่มีคนให้ร้ายผมในทางที่เสียหายต่อชื่อเสียงเป็นข่าวไปทั่วประเทศ ที่แรกตั้งใจว่าจะนิ่งๆเชื่อว่าคงจะไม่มีใครเชื่อถือตามที่บุคคลดังกล่าวได้กล่าวอ้าง แต่มาคิดดูว่ามีคนใส่ร้ายป้ายสีไม่โต้ตอบยิ่งจะเสียหาย หรือนิ่งเสียคนที่ไม่ใด้ใก้ลชิดผมอาจเข้าใจผิดใด้
ผมเป็น ส.ส. มาหลายสมัยกว่าจะมาถึงวันนี้ผมใด้ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดหรือสนิทคุ้นเคย รู้จักตัวตนของผมมานานแล้ว ท่านทั้งคงใด้ยินกับหู ใด้ดูกับตาว่าผมเป็นที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่แสวงหาทรัพย์สินใดๆทันทีที่ใด้ตำแหน่ง ส.ส. ผมเลิกกิจการรับเหมาก่อสร้างทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งจะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ผมและครอบครัว
ผมเข้าใจและรู้สึกรับรู้ได้ถึงความตั้งใจที่พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนผม เพื่อให้โอกาสผมใด้เข้าใจถึงวิถีชีวิตชาวบ้าน ผมจึงเลือกใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียงตามแบบวิถีชาวบ้านตามที่คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตกัน จึงได้ตัดสินใจขายเครื่องจักกลที่เคยใช้รับเหมาก่อสร้างทั้งหมดเพื่อนำเงินที่เหลือมาทำสวนเลือกทางเดินเป็นเกษตรกร ผมเคยทำธุรกิจปั้มน้ำมัน ป.ต.ท., บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ,เจ้าของฟาร์มไก่ไข่ ซึ่งเป็นฟาร์มขนาดโหญ่สุดในภาคเหนือในขณะนั้น พรรคพวกจึงเรียก"เสี่ย"ติดปากมาตั้งแต่นั้น พอผมเปลี่ยนวิถีชีวิตมาสู่ความพอเพียงจากคำว่า"เสี่ย" มาเป็น"สวน" ยอมรับความจริงครับว่าใด้รับความยากลำบากไม่น้อยกว่าจะผ่านพ้นมาถึงวันนี้เพราะเราต้องใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อให้ผ่านพ้นความยากลำบากของการเป็นเกษตรกรที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ผมยังจำติดตาตรึงใจอยู่เสมอในขณะที่ทำธุรกิจอยู่นั้นตอนเย็นๆสิ่งลำบากอีกอย่างคือนับเงินที่มีอยู่ในตู้เก็บเงินบางวันต้องขอวานจ่าทิมยศในขณะนั้นมาช่วยนับเงินที่มีจำนวนนับแสนบาทในแต่ละวัน ตอนนั้นถือว่ามากมายค่าเงินแพงกว่านี้เยอะมาก
พอมาใช้ชีวิตแบบเกษตรกรชาวสวนจึงใด้ทราบความยากลำบากอย่างลึกซึ้งว่ากว่าพี่น้องเกษตรกรเราจะใด้เงินมาแต่ละบาทนั้นยากลำบากขนาดใหน บางครั้งหวังว่าราคาผลผลิตดีแต่ต้องเจอภัยธรรมชาติบ้างทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง ลูกเห็บตกผลผลิตเกิดความเสียหาย พอเก็บผลผลิตมาแล้วยังมาถูกพ่อค้ากดราคาอีก แต่ทุกวันนี้สิ่งหนึ่งที่ผมใด้ไม่ใช่เงิน มันเป็นสุขทางใจ ที่ได้ทำในสิ่งที่เราชอบไม่ต้องปวดหัวเหมือนเป็นพ่อค้า การมีเงินมากๆไม่ใช่ความสุขเสมอไป ความสุขที่แท้จริงสำหรับผมคือใด้ทำในสิ่งที่เราชอบ ได้ใช้ชิวิตในแบบวิถีธรรมชาติ ผ่านมาหลายปีผมใด้คิดพร้อมๆกับอายุเพิ่มมากขึ้นใด้สัมผัสผ่านมาหลายเรื่องหลายแบบ ผมเลยใช้ชีวิตแบบที่เป็นอยู่ในวันนี้คือพออยู่พอกิน ไม่ต้องการทรัพย์สินเงินทองมากมายอะไรอีก ถ้าผมอยากรวยอยากมีเงินเยอะๆ ที่บ้านปั๊มน้ำมันอยู่กลางตลาดห้วยข้าวก่ำ มีที่ 8 ไร่กว่าๆ สามารถทำเงินใด้ได้ไม่น้อย ถ้าจะขายคงหลายสิบล้าน มีที่ดินบริเวณหน้าห้างฯโลตัส อ.จุร อีก 7 ไร่กว่าๆถ้าจะ เปลี่ยนเป็นเงินคงไม่ยาก แต่เป็นแผ่นดินที่พ่อแม่ให้มา ผมเลือกจะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และให้คนอื่นอยู่อาศัยแบบฟรีๆไม่ใด้สนใจเรื่องผลตอบแทนใดๆ ผมเลือกจะใช้ที่บ้านเลี้ยง ม้า วัว ควายเพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดี อยากให้ทุกคนได้สัมผัสกับชีวิตการอยู่อย่างพอเพียง ที่ทุกแปลงที่มีไม่มีใบโฉนดแปลงใดติดธนาคารเลย สิ่งที่ผมทำทุกท่านที่คุ้นเคยกัน หรือแม้แต่พี่น้องประชาชนทั่วไปในพื้นที่ ได้เห็นกันมานานแล้วไม่ใช่พึ่งมาปฏิบัติตัวตอนนี้
สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเสียใจมากคือมีบุคคลกลุ่มหนึ่งไปพูดว่า "มีคนไปอ้างว่าผมทำธุรกิจแชร์น้ำมันและธุรกิจต่างประเทศแล้วคุณศรีวรรณฯ เอาเงินไปฝากกับเพื่อนสนิทเพื่อฝากต่อไปลงทุนโดยบอกว่าฝากมาลงทุนกับผม ตั้ง 30 ล้าน"ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงผมข้องใจที่สุดถ้าอยากลงทุนกับผม ทำไมไม่เอาเงินมาให้ผมเลย ทำไมไม่มาถามผมสักคำว่าจริงหรือเปล่า ตัวคุณศรีวรรณฯ นั้นเคยมาขอช่วยเหลือผมหลายครั้ง ทั้งขอย้ายแผนก ขอพาครอบครัวพาลูกมาดูปลาที่บ้านหลายครั้ง ทำไมไม่ถามผมสักคำ
คุณศรีวรรณฯ เป็นข้ารราชการชั้นผู้น้อยอ้างว่านำเงินส่วนตัวไปลงทุน 15 ล้านบาท แสดงว่าฐานะการเงินทางครอบครัวดีมาก เพราะเงินเดือนไม่น่าเกิน 30,000 บาทเรื่องราวทั้งหมดผมไม่อยากเอามาพูดในที่นี้ เพราะคุณศรีวรรณฯ นำไปเป็นหลักฐานในการฟ้องร้องเพื่อนสนิทคุณศรีวรรณฯในศาล แล้ว ผมไม่อยากลงในรายละเอียดมากเพราะเขาฟ้องร้องกันเองอยู ซึ่งท่านทนายเต่าได้ดูแลเรื่องคดีอยู่ ถ้าอย่างไรก็ถามท่านทนายได้ เมื่อทั้งสองฝ่ายนำเสนอพยาน หลักฐานหมดแล้ว ศาลใด้พิพากษาให้จำเลยและคุณศรีวรรณฯ เป็นผู้ร่วมกันกระทำผิด หมายความว่าร่วมกันโกง ไม่ใช่ผม ผมยังใช้ชีวิตปกติในสวนไม่ใด้เป็นผู้ต้องหาใดๆเลย ซึ่งในขณะนี้ทุกคนในที่สนิทคุ้นเคยกันคงยืนยันใด้ว่า ผมไม่เคยพูดเรื่องการเงินหรือธุรกิจใดๆมาเกือบ 10 ปีแล้ว สิ่งที่ผมพูดอยู่เสมอคือพอแล้ว ในชีวิต มีความสุขกับการให้ ถ้าผมยังมีสติดีอยู่ ผมคงไม่ไปคิดทำเรื่องแบบนี้กับข้าราชชั้นผู้น้อยเพราะเงินเขาคงมีไม่มากมายเท่าใด ผมยืนยันว่าตอนนี้สติผมดีทุกอย่าง คงไม่กระทำการที่ทำให้เสื่อมเสียเกียรติแก่วงศ์ตระกูล โดยการไปหลอกลวงบุคคลอื่นให้เกิดความตกทุกข์ได้ยากหรอกครับ ผมอยากช่วยเหลือให้คนอื่นๆได้ลืมตาอ้าปากได้ในทางที่สร้างสรรและมีชีวิตอย่างพอเพียงเท่าทีผมจะมีโอกาสช่วยได้
อนึ่ง สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา นางศรีวรรณ แย้มพวง พร้อมผู้เสียหายจาก จ.พะเยา เดินทางยื่นหนังสือต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้รับเป็นคดีพิเศษ โดยอ้างว่า น.ส.ปภพภร ฟองคำ หลอกลวงให้เล่นแชร์น้ำมัน และเงินกู้ระหว่างประเทศ โดยมี อดีต ส.ส.พะเยา และ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร อยู่เบื้องหลัง มีมูลค่าความเสียหายกว่า 28 ล้านบาท