ทั้งนี้ บริษัทของสหรัฐยังคงเป็นผู้นำมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่มากเป็นอันดับ 1 ส่วนบริษัทจีนตามมาเป็นอันดับ 2 หากแยกเป็นรายสาขาธุรกิจ พบว่ากลุ่มเทคโนโลยี ภาคการเงิน และสินค้าผู้บริโภค เป็น Top 3 ที่มีมาร์เก็ตแคปเติบโตสูงสุด
โดยได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐในสัดส่วน 48% จากสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และกลุ่มเทคโนโลยีที่มีอัตราเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
1. PwC ประเทศไทย เปิดเผยรายงาน Global Top 100 Companies ที่วัดโดยขนาดของ Narket capitalisation สูงสุดของโลก พบว่า มาร์เก็ตแคปของ 100 บริษัทขนาดใหญ่ของโลก ณ 31 มีนาคม 2018 มีมูลค่ารวมกัน อยู่ที่ 20.035 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2.597 ล้านล้านดอลลาร์ หรือ 15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
โดยได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐในสัดส่วน 48% จากสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และกลุ่มเทคโนโลยีที่มีอัตราเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่มาร์เก็ตแคปของบริษัทจากฝั่งยุโรปก็เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่สอง
2. รายงานชี้ว่า มากกว่าครึ่งของ Top 100 อันดับแรกของมาร์เก็ตแคป สูงที่สุดของโลกเป็นบริษัทของอเมริกัน 54 บริษัท เป็นการลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี 55 บริษัท) ซึ่งนับเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน โดยคิดเป็น 61% ของมาร์เก็ตแคปรวม ลดลงจาก 63% ในปีที่แล้ว
มาร์เก็ตแคปของบริษัทจากจีนใน 100 อันดับแรกของโลกเติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 57% เปรียบเทียบกับปีก่อน เป็นจำนวน 12 บริษัทที่ติดอันดับในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 10 บริษัทในปีที่ผ่านมา
สำหรับบริษัทในยุโรปซึ่งมีการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยมีจำนวนของบริษัทยุโรปที่ติดอันดับ 100 บริษัทแรกเพิ่มจาก 22 เป็น 23 บริษัท หรือคิดเป็นมูลค่ามาร์เก็ตแคปที่เพิ่มขึ้นถึง 331,000 ล้านดอลลาร์
3. บริษัทที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 อเมซอน โดยมีมูลค่าของมาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นถึง 278,000 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่อันดับที่ 2 และ 3 เป็นบริษัทของจีน คือ เทนเซ็นต์ มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 224,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 82% และอาลีบาบา มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้น 201,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 75% ตามลำดับ ขณะที่ไมโครซอฟ อัลฟาเบท และแอปเปิล มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นอยู่ที่อันดับ 4-6
อย่างไรก็ตาม แอปเปิล ถือเป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่อันดับที่ 1 ของโลกเป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน แม้ว่ามูลค่ามาร์เก็ตแคปที่เพิ่มขึ้นจะเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
4. ทั้งนี้ แอปเปิล เป็นบริษัทที่มีมูลค่าการจ่ายผลคอบแทนคืนผู้ถือหุ้นสูงกว่าบริษัทอื่นๆ ในโลกดูได้จากการจ่ายปันผลและการซื้อหุ้นคืนในปีที่ผ่านมา ถึง 31,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีการจ่ายคืน 29,000 ล้านดอลลาร์
ส่วนเจพี มอร์แกน เชส มีการจ่ายคืนผู้ถือหุ้นสูงเป็นอันดับที่ 2 จำนวน 24,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากที่มีการจ่ายคืน 18,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่ก่อน
5. เมื่อพิจารณาตามรายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า กลุ่มเทคโนโลยี มีมาร์เก็ตแคปสูงที่สุดเป็นที่ 1 โดยนำหน้ากลุ่มการเงินติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ตามด้วยกลุ่มสินค้าผู้บริโภค
ในส่วนของบริษัทชั้นนำของโลก 3 อันดับแรก ที่เป็น Global companies เป็นบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี ได้แก่ แอปเปิล อัลฟาเบท และ ไมโครซอฟ ขณะที่เทนเซ็นต์ อยู่ในอันดับที่ 5 และเฟสบุ๊ค รั้งอันดับที่ 8 โดยตกจากอันดับที่ 6 เมื่อปีที่แล้ว