พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือคนที่ 51 และเหล่านักรบจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินอีก 126 นาย ที่ต้องอำลาชีวิตราชการในปีนี้ ได้เข้าร่วมพิธีย่ำพระสุริย์ศรี ครั้งที่ 27 อย่างพร้อมเพรียง ณ สนามหน้าหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีก่อนพิธีจะเริ่มขึ้น มีการแสดงโดดร่มลงน้ำเพื่อแทรกซึมทางยุทธวิธี โดยชุดลาดตระเวนสะเทินน้ำสะเทินบก กองพันลาดตระเวน และการโดดร่มแบบกระตุกเองของนักกีฬาโดดร่มกองทัพเรือ ซึ่งทุกคนทำได้ดี ปราศจากข้อผิดพลาด จากนั้นก็เข้าสู่ไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนรอคอย
พิธีย่ำพระสุริย์ศรี เป็นพิธีการสำคัญของทหารเรือไทย ที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ มีความหมายโดยนัยว่า "การจบลงอย่างสง่างาม" บ่งบอกว่าช่วงเวลาการรับราชการได้สิ้นสุดลงด้วยความรักและอาลัย ประทับอยู่ในความทรงจำที่ดีของผู้ใต้บังคับบัญชา เหมือนความสง่างามของดวงอาทิตย์ที่เคลื่อนลับขอบฟ้าในยามเย็นพิธีการนี้ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ไม่ได้ลอกเลียนแบบมาจากหน่วยทหารสวนสนามของนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา เพียงแต่อาศัยเค้าโครงมาสอดแทรกการแสดงทางทหารประกอบวงโยธวาทิต ซึ่งกระทำอยู่ท่ามกลางความสว่างจากดวงไฟที่จัดไว้อย่างเหมาะสม โดยมีลำแสงของพระอาทิตย์ยามเย็นย่ำเป็นฉากหลังที่สวยงามตามธรรมชาติ
จบพิธีย่ำพระสุริย์ศรีแล้ว ต่อด้วยการแสดงของอาสาสมัครทหารพรานหญิง ดอกประดู่เหล็กแห่งราชนาวี ทั้งการรำสี่ภาค การยิงปืนฉับพลัน และศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว ภายใต้สัญลักษณ์รูปเหยี่ยวดำ นำโดย เรือโทหญิง จารุวรรณ เดชโยธิน // จากนั้น เป็นพิธีสวนสนาม โดยราชินีสนามรบ คือเหล่าทหารราบ และราชาสนามรบ ซึ่งก็คือยุทโธปกรณ์ รถ AAV รวมถึงรถหุ้มเกราะล้อยาง // ตามด้วยการร้องเพลงของ อาจารย์สันติ ลุนเผ่ และ จ่าเอกหญิง โสธิดา ชัยฤทธิไชย ก่อนปิดท้ายด้วยการจุดพลุและดอกไม้ไฟ ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
การรับราชการเป็นทหารรับใช้ชาติ ก็เหมือนกับการโคจรของดวงอาทิตย์ มีขึ้นก็มีตก มีจุดเริ่มต้น ก็มีจุดสิ้นสุดของภารกิจ แต่สิ่งที่จะยังคงอยู่คือกองทัพและประเทศชาติ ที่จะยืนยงไปตราบนานเท่านาน