วันนี้ (15 พ.ค.60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าปัจจุบันสภาพพื้นที่ภายในคลองนกยาง บริเวณหลังชุมชนวัดช่องลม ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งแต่เดิมจะมีสภาพเป็นป่าชายเลนที่มีต้นโกงกางขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น โดยจะมีฝูงนกน้ำหายากหลากหลายสายพันธุ์ รวมทั้งสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ใช้เป็นพื้นที่อนุบาลที่ถือเป็นผืนป่าชายเลนแห่งสุดท้ายของเมืองพัทยา จ.ชลบุรี นั้น ปรากฏว่ามีสภาพทรุดโทรมอย่างหนักจากปัญหาการบุกรุกแผ้วถางแนวลำคลองเพื่อสร้างที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน
อีกทั้งยังมีเศษขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลที่ถูกทิ้งไว้เต็มแนวลำคลอง รวมถึงน้ำเน่าเสียจากการชำระล้างสิ่งสกปรกจากชุมชนที่ถูกปล่อยทิ้งลงสู่แหล่งน้ำอย่างไม่ใส่ใจต่อคุณภาพของสิ่งแวดล้อม ซึ่งกรณีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทางทะเล โดยเฉพาะพื้นที่อนุบาลสัตว์น้ำขนาดเล็ก และแหล่งเพาะพันธุ์นกน้ำหายากหลากหลายสายพันธุ์ ที่อาจเข้าขั้นวิกฤติและส่งผลให้สัตว์อพยพหรือสูญพันธุ์จากพื้นที่ไปในที่สุด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวระบุว่าคลองแห่งนี้มีลักษณะเป็นป่าชายเลนที่มีต้นโกงกางขึ้นอย่างหนาแน่นมาตั้งแต่อดีต โดยจะมีนกน้ำและสัตว์น้ำมาอาศัยอยู่มากมาย ต่อมาภายหลังเมื่อความเจริญเข้ามามากขึ้นและมีการบุกรุกแผ้วถางป่า รวมทั้งการสร้างอาคารรุกล้ำแนวคลอง สุดท้ายก็มีการทิ้งขยะสิ่งปฏิกูลและน้ำเสียลงไปอย่างไร้จิตสำนึก จนปัจจุบันสภาพของป่าแห่งนี้ที่ถือเป็นผืนสุดท้ายของเมืองพัทยามีสภาพทรุดโทรมอย่างหนัก แต่ก็ไม่พบเห็นว่ามีหน่วยงานใดมาดูแล บูรณะ หรือฟื้นฟูเพื่อให้ธรรมชาติกลับสู่สภาพเดิมแต่อย่างใด ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเห็นมีการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์ขึ้นหลายกลุ่ม โดยมีการจัดกิจกรรมในการรักษาความสะอาดและทรัพยากรธรรมชาติหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็จะไปทำกันแต่ช่วงกลางคลอง ขณะที่บริเวณต้นคลองที่ติดทางด้านหลังวัดช่องลม นาเกลือ ซึ่งมีลักษณะเป็นคลองตันจะมีเศษขยะและสิ่งปฏิกูลมากมาย จึงอยากให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบและเร่งดำเนินการแก้ไขด้วย