สื่อออนไลน์ลาว ได้นำเสนอข่าวการเคลื่อนไหวของลีน่า จัง อย่างกว้างขวาง แต่ก่อนหน้านั้น สื่อลาวไม่ได้ความสนใจกับเรื่องของโกตี๋
ล่าสุด สำนักข่าวลาวโพสต์ อ้างถึงข้อกฎหมายการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนของ สปป.ลาว และวิเคราะห์ว่า รัฐบาลลาวคงส่งตัวโกตี๋ให้ไทยไม่ได้ เพราะขัดกับหลักกฎหมายลาว
ขณะที่ฝ่ายไทย พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยังเปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามตัว วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาญา มาตรา 112 และคดีก่อการร้ายที่หลบหนีอยู่ใน สปป.ลาว ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ทำหนังสือไปถึงหัวหน้ากรมใหญ่สันติบาลของ สปป.ลาว โดยส่งผ่านสถานเอกอัครราชทูตลาว ประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครทูตไทย ณ เวียงจันทร์ สปป.ลาว เพื่อสอบถามในสิ่งที่เคยพูดคุยกันว่า มีความคืบหน้าอย่างไร
เหตุที่ทางการไทย ต้องทำหนังสือถึงกรมใหญ่สันติบาลลาว เพราะโกตี๋ ยังเคลื่อนไหวอยู่เหมือนเดิม และทางการไทยยืนยันมาตลอดว่า โกตี๋เป็นบุคคลอันตราย มีความคิดต่อต้านสถาบัน ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองถือเป็นความผิดทางอาญาที่รุนแรง มีหมายจับ 21 หมาย จึงต้องการให้ทางการลาวจับกุมตัวส่งมาให้
แม้โกตี๋ จะพยายามสื่อสารผ่านยูทู้ปว่า ไม่ได้อยู่ในเมืองลาวแล้ว แต่หน่วยข่าวไทยยืนยันว่า โกตี๋ยังอยู่ในนครหลวงเวียงจันทน์ เพียงแต่แยกออกมาอยู่เพียงลำพัง ไม่ได้รวมกลุ่มอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับกลุ่มไฟเย็น
มีรายงานข่าวว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มี.ค. กลุ่มสหพันธรัฐไท ได้จัดประชุมในบ้านหลังหนึ่งกลางนครเวียงจันทน์ ได้ปรับแนวทางการต่อสู้ใหม่ โดยเน้นเรื่องการโฆษณาเป็นหลัก
องค์กรสหพันธรัฐไท แบ่งงานกันรับผิดขอบ "ลุงสนามหลวง" หรือ ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ เป็นแกนนำ และรับผิดชอบด้านเงินทุน
"สหายเลือด-สหายสน" สองอดีตสหายเขตงานอีสานใต้ รับผิดชอบงานจัดตั้งมวลชน ซึ่งสหายสน เพิ่งย้ายมาจากเขมร หลังรัฐประหาร 2557 สหายสนถูกจับพร้อมเครื่องยิงระเบิด M 79 แต่หลบหนีไปได้ ระหว่างการคุมตัวของทหาร
"ขุนทอง-แยม ไฟเย็น" รับผิดชอบสถานีวิทยุใต้ดินช่องไฟเย็น และช่องแยมมี่
"โกตี๋" เป็นผู้ประสานงานทั่วไป
เบื้องหลังการปรับการทำงานใหม่นั้น ก็เป็นผลมาจากการเคลื่อนไหวของโกตี๋ ที่ไม่ได้ปรึกษาหารือกับพรรคพวก จนเกิดความผิดพลาด กลายเป็นเรื่องใหญ่ และนำความเดือดร้อนมาถึงเจ้าของบ้านคือ สปป.ลาว
แหล่งข่าวเล่าว่า หลังจาก "ผู้ใหญ่" มาเคลียร์กับผู้นำลาว จึงทำให้โกตี๋ปักหลักอยู่ในลาวต่อไปได้ และทำหน้าที่จัดรายการวิทยุใต้ดินต่อไป
ชีวิตความเป็นอยู่ของสมาชิกองค์กรสหพันธรัฐไท เริ่มอู้ฟู่อีกครั้ง เพราะมี "ผู้ใหญ่ใจดี" ให้การสนับสนุนเต็มที่ ไม่ต้องออกข่าวระดมทุนเหมือนเมื่อก่อน พวกเขามีรถราใช้ในลาวมากกว่า 4 คัน และอยู่ในแมนชั่นราคาแพง ส่วนโกตี๋ ใช้โรงแรมเป็นบ้านพัก เปลี่ยนไปเรื่อยๆ หลีกเลี่ยงการสอดแนมของหน่วยข่าวไทย
เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 8 เม.ย. โกตี๋จัดรายการวิทยุผ่านช่องไฟเย็น และช่องแยมมี่ ได้เล่าตำนานอาณาจักรล้านช้าง พยายามปลุกระดมคนอีสานว่าเป็นคนลาว พร้อมกับโยงถึงสาเหตุที่ผู้นำลาว ไม่ตอบรับข้อเรียกร้องจาก "ประยุทธ์-ประวิตร" ให้ส่งตัวพวกเขากลับไปดำเนินคดีในเมืองไทย เพราะปมบาดแผลประวัติศาสตร์ในอดีต