ในพื้นแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไร้ตึกราบ้านช่อง ลึกเข้าไปในพื้นที่แดนอีสานใต้ติดประเทศกัมพูชา ชาวกูย หรือ กวย ซึ่งอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านตากลาง ตำบลกระโพ อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ แห่งนี้มีวิถีชีวิตที่ผูกผันกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนมาหลายช่วงอายุคน พวกเขาไม่เคยมองว่าสิ่งมีชีวิตสี่ขานั้นคือสัตว์เดรัจฉานที่ต้อยต่ำกว่า แต่ยกย่องและให้ความเคารพเทียบเท่ากับการเคารพศาลปะกำประจำหมู่บ้าน หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือบรรพบุรุษนั้นเอง ทำให้วัฒนธรรมและการใช้ชีวิตของคนและช้างที่หมู่บ้านนี้เป็นเสมือนครอบครัว เป็นเพื่อน มีความรักความผูกพันประหนึ่งเป็นคน จนได้รับขนานนามว่าเป็นหมู่บ้านเลี้ยงช้างที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
ในทุกๆ วัน พวกเขาจะคอยดูแลให้อาหารช้าง ไปเดินเล่นในป่า พาไปอาบน้ำขัดสีฉวีวรรณที่วังทะลุในยามเย็น ทำอะไรต่อมิอะไรด้วยกันประดุจเพื่อนคนนึง ไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ไม่ใช่สัตว์ใช้แรงงาน แต่คือมิตรร่วมชายคาที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูล ทำมาหากิน ร่วมทุกข์ร่วมสุข จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ชาวบ้านจะฝึกช้างเพื่อไปร่วมแสดงในงานช้างชองจังหวัดทุกปีอีกด้วย ถ้าได้มีโอกาสมาชมการแสดงของช้างที่ศูนย์คชศึกษาบ้านตากลาง ซึ่งเป็นศูนย์รวมของสมาชิกช้างทั้งในบ้านกะโพตากลางและจากหมู่บ้านอื่นๆ ในจังหวัดสุรินทร์มากกว่า 200 เชือก ให้เดินเลยไปด้านหลังเราจะพบกับหมู่บ้านที่เห็นโรงช้างและบ้านแทบทุกที่ ซึ่งช้างแต่ละเชือกนั้นก็แสนรู้ และไม่ดุร้าย เข้ากับคนได้ง่ายเนื่องจากผ่านการเลี้ยงดูแบบครอบครัว
แต่ด้วยสภาพทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป มีบางคนพาช้างเข้ากรุงเพื่อเดินเร่ขายอาหารหาเงินล่อเลี้ยงชีวิตและครอบครัว สร้างภาระและปัญหาช้างเร่ร่อนจนเกิดอคติต่อช้าง บางเชือกโชคร้ายต้องเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุบนท้องถนน ช้างป่าหลายตัวก็อดยาก เร่ร่อนจากถิ่นที่อยู่เนื่องจากโดนบุกรุกป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย บางตัวต้องสังเวยชีวิตในอุบัติเหตุที่เกิดจากฝีมือของมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้บทบาทและความสำคัญของช้างนั้นเริ่มถดถอยด้อยค่าลง จนต้องมีการรณรงค์ในกลุ่มคนรักช้าง องค์กรอิสระต่างๆ ล่าสุดทางกรมอุทยานฯ เริ่มจัดทำแผนจัดการช้างป่า 20 ปี ระหว่างปี 2559 - 2579 เพื่อสำรวจประชากรช้างรอบใหม่ในป่าทั่วประเทศไทย มีการทำโครงสร้างกลุ่มอายุประชากรช้าง และติดปลอกคอสัญญาณดาวเทียวเพื่อศึกษาพฤติกรรมและการใช้เส้นทางของช้างใหม่ และนำข้อมูลที่ได้มาวางแผนจัดการช้างป่าต่อไป
คณะอนุกรรมการประสานงานการอนุรักษ์ช้างไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานประสานงานองค์การภาครัฐและเอกชนที่ทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์ช้างไทยคณะกรรมการ เอกลักษณ์ของชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้วันที่ 13 มีนาคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่คณะกรรมการคัดเลือกสัตว์ประจำชาติมีมติให้ช้างเผือกเป็นสัญลักษณ์ของไทย เป็น "วันช้างไทย" เพื่อยกย่องเกียรติให้กับช้าง และสร้างความตระหนักเพื่อป้องกันไม่ให้ช้างซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมือง ต้องสูญพันธ์ไปเหลือไว้แต่เพียงในความทรงจำ