ทุกวันที่ 1-7 พฤศจิกายนของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติ เพื่อให้เห็นถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพจิต โดยในปีนี้ อยู่ในช่วงความโศกเศร้าอันยิ่งใหญ่ของคนไทย กรมสุขภาพจิต จึงได้ให้ความสำคัญกับการดูแลจิตใจของประชาชน
ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งการถวายความอาลัยแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อธิบดีกรมสุขภาพจิต นาวาอากาศตรี บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ บอกว่าในช่วงเวลานี้คนไทยทุกคนควรร่วมใจกันเปลี่ยนความโศกเศร้าเป็นพลังอันยิ่งใหญ่เพื่อเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาท โดยเปลี่ยนความเศร้าให้เป็นพลังใจในการสร้างสรรค์ ทำความดี
ขณะเดียวกันประชาชนเองก็ต้องดูแล ใส่ใจ ซึ่งกันและกัน คอยสอดส่องผู้มีปัญหาทางสภาพจิตใจ และคอยรับฟังกัน ซึ่งจะช่วยให้ผ่อนคลายความเศร้าลงได้ ด้าน พันเอกถิรวัฒน์ บุญเพ็ญ ราชองครักษ์ประจำ กรมราชองครักษ์ บอกว่าสิ่งสำคัญต่อเหตุการณ์สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชนชาวไทยครั้งนี้คือต้องเปลี่ยนจากการเสียใจ เป็นความภูมิใจ และช่วยกันรักษาสิ่งที่พระองค์ท่านได้ทรงงานหนักมาตลอด 70 ปียังอยู่ต่อไป
ความโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ การดูแลสุขภาพจิตของกันและกันจึงเป็นสิ่งสำคัญในเวลานี้ เพื่อจะช่วยกันเปลี่ยนความโศกเศร้าให้เป็นพลังใจในการเดินต่อไป ตามคำสอนของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงพะราชทานไว้เมื่อพ.ศ. 2511 ความว่า
"การทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น ก็คือช่วยกันขจัดปัญหาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นด้วยการปฏิบัติตนให้ดีตามหน้าที่ของตน คือตั้งใจที่จะเป็นคนดี"