พ.ต.อ.สุพัชร พึ่งพวง ผกก.สส.บก.น.5 พร้อมด้วย พ.ต.ท.ดิลก รื่นเนตร รอง ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ต.สยมภู กุลจิตติสิโรดม สว.กก.สส.บก. น.5 พร้อม พ.อ.นพสิทธิ์ สิทธิพงศ์โสภณ ผู้บังคับการกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 และเจ้าหน้าที่ทหาร ม.พัน 1 รอ. ร่วมกันจับกุมตัว นายสถิตย์ ประสันแพงศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/1 ซอยรามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. พร้อมของกลางสร้อยคอทองคำหนัก 15 บาท 1 เส้น สร้อยคอทองคำหน้ก 3 บาท 1 เส้น พระเลี่ยมทอง 9 องค์ กำไลข้อมือทองคำหนัก 8 บาท 1 อัน กำไลข้อมือทองคำหนัก 5 บาท 1 อัน เงินสดจำนวน 40,000 บาท และบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจปลอม ระบุชื่อ ร.ต.อ.ประเทือง แตงอ่อน ตำแหน่งรอง สว.บก.ขส.บช.ปส. โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ด้านหน้าอาคาร 10 การเคหะนวมินทร์ซอยนวมินทร์ 139 ถนนนวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.สุพัชร เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 มีนาคม เวลาประมาณ 20.00 น.ที่ผ่านมา นายสถิตย์ พร้อมกับพวกประมาณ 11 คน ได้อ้างตัวเป็นตำรวจ บช.ปส. เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 17/178 หมู่ 8 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี อ้างว่าบ้านหลังนี้มีความเกี่ยวโยงกับยาเสพติด จากนั้นได้เข้าไปรื้อค้นยึดทรัพย์สินไว้หลายรายการรวมมูลค่ากว่า 1,000,000 บาท และยังได้ยึดสมุดบัญชีธนาคาร ก่อนนำตัวผู้เสียหายซึ่งทำธุรกิจซื้อขายและเช่าพระเครื่องขึ้นรถยนต์ไปกักขังไว้ยังเซฟเฮ้าส์ใกล้แยกศรีอุดม ย่านบางนา กทม. พร้อมบังคับให้เหยื่อโอนเงินในบัญชีดังกล่าวอีกจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ซึ่งเหยื่อก็ทำตามจึงถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระภาพ ซึ่งรวมแล้วกลุ่มผู้ต้องหาได้เงินสดและทรัพย์สินไปมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี
ต่อมาทางตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ได้ประสานข้อมูลให้กับทาง ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 เนื่องจากผู้ต้องหาได้หลบหนีมาในพื้นที่ กทม. จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.น.5 จึงทำการสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรายนี้ได้หลบหนีกบดานห้องพักย่านนวมินทร์ จึงนำกำลังไปตรวจสอบจนสามารถจับกุมตัวพร้อมของกลางมาสอบสวนที่ กก.สส.บก.น.5
นอกจากนี้ยังมีแนวทางการสืบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศส.ต.อ.สังกัด กองกำกับการ3(อารักขาและรักษาความปลอดภัย) หรือ กก.3 บก.ตปพ. แล้วมีพฤติกรรมลักพาตัวชาวต่างชาติที่มีหมายติดตัวมาพักอาศัยในประเทศไทย เพื่อไปเรียกค่าไถ่ ก่อนถูกตำรวจ สน.ลุมพินี จับกุมตัวเมื่อปี 2550 จนถูกไล่ออกจากข้าราชการตำรวจ และศาลได้พิจารณาจำคุก และพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา
ด้าน พ.ต.ต.สยมภู กล่าวว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า หลังจากพ้นโทษออกมาไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง จากนั้นจึงได้รวบรวมกลุ่มพรรคพวกที่เคยเป็นอดีตตำรวจที่ถูกไล่ออกจากราชการเช่นกัน และบรรดานิ้วตำรวจ เพื่อสร้างมีอิทธิพลแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรับผลประโยชน์จากสถานบริการ วินรถจักรยานยนต์รับจ้าง ผู้ประกอบการที่ค้าขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ นักค้ายาเสพติด และบ่อนการพนัน หากผู้ใดไม่ยินยอมจ่ายเงินให้จะยิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งคนในวงการเรียกว่า ไอ้เฉื่อน ทุกคนที่โดนขู่ต่างพากันหวาดเกรงและยินยอมจ่ายเงินให้ทุกราย ซึ่งการก่อเหตุแต่ละครั้งจะนำเงินที่ได้ไปซื้อรถยนต์หรูรุ่นเก่าจำนวน 2 คัน และรถช็อปเปอร์ยี่ห้อฮาเล่ย์ 1 คัน นอกจากนี้ยังได้ทำบัตรผู้สื่อข่าวไว้เพื่อแอบอ้างหากถูกตำรวจตรวจค้น ก็จะนำมาเบ่งอีกด้วย กระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว
ทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ ต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมาไม่ตำกว่า 10 ครั้ง เพราะมีพฤติการณ์ที่ชำนาญเป็นอย่างดี หากผู้เสียหายรายใดถูกคนร้ายรายนี้กระทำการลักษณะดังกล่าวสามารถมาอายัดตัวดำเนินคดีเพิ่มเติมได้ เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำหรือบุคคลอื่น จากนั้นจะนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป พ.ต.ต.สยมภู กล่าว
