พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวศาสนา กล่าวกรณีที่ครม.มีมติรับทราบผลการรายงานขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยว(องค์การมหาชน) หรือ อพท.เสนอผลการศึกษาโครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นภูกระดึง จ.เลย มูลค่า 633 ล้านบาท ว่า จากผลการศึกษาพบว่าสามารถทำได้โดยไม่กระทบป่าแม้บริเวณดังกล่าวเป็นลุ่มน้ำชั้นหนึ่ง เพราะเป็นการใช้วิธีปักต้นเสาหลัก 7 ต้น ด้วยการขุดดินแล้วใช้เฮลิคอปเตอร์หย่อนเสาลงไปซึ่งจะเสียต้นไม้รวมประมาณ 1 ไร่
และจะมีการปลูกทดแทนส่วนที่เสียไป แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้ตามมาถือว่าคุ้มค่า และหลังจากที่ครม.รับทราบผลการศึกษาดังกล่าวแล้วจะต้องมีการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ตามขั้นตอน ทั้งนี้อยากให้เห็นภาพใหญ่ว่าจำนวนเงินที่ใช้ดำเนินการประมาณ 633 ล้านบาท ถือว่าคุ้มค่าในการทำ อีกทั้งเรื่องนี้มีการทำความเห็นมาแล้วชั้นหนึ่งก่อนที่จะเข้าครม.เมื่อครม.รับทราบแล้วมอบหมายให้ไปหารือเรื่อง อีไอเอ หากผลสำรวจอีไอเอผ่านก็จบและสามารถทำได้เลย โดยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1-2 ปี โดยมีการจัดทำแผนในการเบิกจ่าย ไม่ใช่จ่ายทีเดียว แต่ถ้าอีไอเอไม่ผ่านก็ไม่ผ่าน
"ตอนนี้มีความเป็นไปได้ที่โครงการดังกล่าวจะเกิดขึ้น ทุกคนในที่ประชุมที่คิดเรื่องนี้ทุกคนเห็นชอบหมด มีองค์กรเพียงองค์กรเดียวที่ไม่เห็นชอบแต่ไม่เคยมาเข้าประชุมเลย เป็นเหมือนเอ็นจีโอ แต่ภาพใหญ่เขาแฮปปี้หมด การสร้างกระเช้ามีการกำหนดแนวเขตก่อสร้างชัดเจน หากเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นสามารถลงได้ด้วยกระเช้าง่ายขึ้น และจุดที่ขึ้นลงกระเช้าไม่ได้รบกวนทางเดินแต่จะมีสถานีให้ขึ้นได้ ยืนยันว่าเงิน 600 กว่าล้านบาท ที่ใช้นั้นต้องคิดว่าจะสร้างงานให้คนในพื้นที่ได้จำนวนมาก และทางจ.เลย ถือว่ายังมีนักท่องเที่ยวสนใจมาก ทั้งจากประเทศเพื่อนบ้านที่มาท่องเที่ยว ย้ำว่าเราอยากให้มีและจริงๆแล้วเป็นความเรียกร้องของชาวบ้านในพื้นที่ทั้งจังหวัดเลยและใกล้เคียง เพราะถ้ามีกระเช้าจะได้ทั้งเรื่องความ ปลอดภัย นักท่องเที่ยว และงบประมาณ การสร้างงานและการดูแลรักษาป่า ทั้งหมดถือว่าคุ้มค่า " พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว
รองนายกฯ กล่าวอีกว่า ประชาชนที่จังหวัดเลยและโดยรอบเขาเห็นด้วย และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะเราพูดคุยกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและอธิบายเรื่องอีไอเอให้ชัดเจน ส่วนการประเมินความเสื่อมโทรมพื้นที่มากขึ้นเมื่อมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นนั้น พล.อ. ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ยิ่งมีสิ่งก่อสร้างลักษณะนี้จะตรวจได้ทุกวันทั้งเรื่องความปลอดภัยต่างๆ และรักษาเส้นทางเดินปกติได้มากขึ้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบเพราะใช้เทคนิคใหม่ในการก่อสร้าง ไม่ใช่การตัดป่าเป็นแนวตรงข้ามเป็นการรักษาแนวป่าเอาไว้ด้วย และเงินจากนักท่องเที่ยวจะได้กลับมาอย่างมหาศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงคัดค้านในการก่อสร้างดังกล่าวประมาณกี่เปอร์เซ็นต์ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า มีแค่คนเดียวที่ไม่เคยมาประชุม เขาขอแค่ให้ได้ค้านว่าพื้นที่นั้นเป็นป่าไม่ควรทำ แต่อีก99.99 เปอร์เซ็นต์เขาเห็นด้วย