วันที่ 3 พฤศจิกายน นางประมล ทั่งรอด ชาวนาหมู่ 7 บ้านพงกะชี ค.ทุ่งยั้ง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ได้ชักชวนเพื่อนบ้านที่ว่างงานเร่งตัดต้นกกที่ขึ้นเองตามธรรมชาติในแปลงนากว่า 10 ไร่ เพื่อนำมาทอเสื่อกกด้วยมือตามภูมิปัญญาท้องถิ่น ส่งขายสร้างรายได้ หลังต้นข้าวแห้งตายจากฝนทิ้งช่วง
นางประมวล กล่าวว่า จากฝนที่ทิ้งช่วงจึงปล่อยที่นาดอนกว่า 10 ไร่ให้ว่างเปล่า และลงทุนทำนาปีที่ลุ่ม 30 ไร่ แต่ปรากฏว่า ตอนนี้ต้นข้าวอายุกว่า 2 เดือนยืนต้นตายจากปัญหาภัยแล้ง อย่างไรก็ตาม บนความโชคร้าย ก็ยังพอโชคดีอยู่บ้าง เมื่อนาดอนที่ไม่ได้ทำนากลับมีต้นกกขึ้นเองตามธรรมชาติเต็มแปลงนา โดยมีลักษณะต้นตรงขนาดใหญ่ สวยงามมาก จึงชักชวนเพื่อนบ้านถอนกก ก่อนที่ต้นจะแก่แห้ง เพื่อนำมาทอเป็นเสื่อกกขายสร้างรายได้อีกทาง ทั้งนี้ นับแต่โบราณผู้เฒ่าผู้แก่อำเภอลับแล สอนลูกหลานทุกบ้านทอกกด้วยมือ ปัจจุบันไม่มีแล้ว แต่อุปกรณ์ยังคงมีอยู่ จึงฟื้นกลับมาทำใหม่ ด้วยการรวมกลุ่มช่วยกัน หลักจากถอนกก ก็จะนำมาตัดดอกออกก่อนนำมาจักรคล้ายจักรตอกไม่ไผ่ จากนั้นนำออกตากจนแห้ง เพื่อทำการยอมสีให้สวยงาม ก่อนจะลงมือทอด้วยมือ
ต้นกก 400-500 ต้นจะทอเสื่อได้ 1 เมตร ผืนขนาดกว้าง 1.20 เมตร ยาว 3 เมตร ราคาผืนละ 500 บาท ซึ่งเสื่อที่ทอจากต้นกกจะมีอายุการใช้งานได้ยาวนานมากกว่า 20 ปี ซึ่งในอดีตชาวบ้านซื้อเสื่อกกเพื่อนำมารองนั่ง หรือนอน ตลอดจนทำพิธีกรรมทางศาสนา แต่ปัจจุบันเอาไปตกแต่งสร้างความสวยงามตามร้านอาหาร หรือรีสอร์ท และจากที่รวมกลุ่ม 10 คน ถอนกกได้คนละ 3 หมื่นต้น ทอเสื่อได้ประมาณ 60 ผืน ถ้าขายได้หมดแล้งปีนี้จะมีรายได้ 3 หมื่นบาท ทดแทนการขายข้าวนาปีไปได้บ้าง นางประมวล กล่าว