svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

วิป 4 ฝ่าย เดินหน้าเปิดประชุมสภาตามปกติ พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และกฎหมายสำคัญ

14 พฤษภาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วิป 4 ฝ่าย เดินหน้าเปิดประชุมสภาตามปกติ เริ่ม 27 พ.ค.นี้ พิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 และ พ.ร.ก. 2 ฉบับ พร้อมประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 หากรุนแรงขึ้น พร้อมพิจารณาอีกครั้ง

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล พร้อมด้วย นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงข่าวภายหลังการประชุมวิป 4 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย รัฐบาล ฝ่ายค้าน วุฒิสภา และฝ่ายรัฐบาล ว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม โดยได้หารือถึงกรอบการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า เบื้องต้นจะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้วันที่ 27 และวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ เพื่อพิจารณาพระราชกำหนดจำนวน 2 ฉบับ คือ พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และพระราชกำหนดให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 และจากนั้นในวันที่ 31 พฤษภาคมและวันที่ 1-2 มิถุนายนนี้ จะเป็นการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565

นอกจากนี้ นายวิรัช ได้กล่าวว่า ที่ประชุมร่วมวิป 4 ฝ่าย ได้ร่วมหารือกันอย่างกว้างขวาง ทั้งประเด็นการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และประเด็นของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าสภาควรที่จะหยุดรอให้สถานการณ์ดีขึ้นก่อนหรือไม่ที่จะเปิดประชุม ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์เบื้องต้น ทั้งมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดในพื้นที่อาคารรัฐสภานั้นยังคงมีมาตรการที่เข้มงวด ที่ประชุมจึงเห็นว่าสมควรที่จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่กำหนดได้ ขณะเดียวกันหากสถานการณ์แพร่ระบาดยังมีอัตราที่เพิ่มสูงขึ้น ก็จะมีการพิจารณาถึงกำหนดการประชุมร่วมกันอีกครั้ง

ขณะที่นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวยืนยันว่า ในส่วนพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันคือต้องการให้มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาวาระการประชุมที่สำคัญ เช่น การพิจารณาพระราชกำหนดทั้ง 2 ฉบับ และการพิจารณางบประมาณแผ่นดินเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ควรที่จะให้เกิดความล่าช้า จะส่งผลเสียต่องบประมาณแผ่นดินได้ ขณะเดียวกันยังมีเรื่องการขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่รอการพิจารณาอีก ดังนั้นจึงเห็นว่าควรที่จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามวาระปกติ ซึ่งหากเปิดประชุมแล้ว จะมีการประเมินสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเป็นระยะ หากสถานการณ์แพร่ระบาดเพิ่มสูงขึ้น สภาก็ต้องรับผิดชอบต่อสังคมด้วยเช่นกัน ซึ่งพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานเพื่อไม่ให้เกิดคลัสเตอร์ใหม่

logoline