svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"ชูวิทย์" จวกนายกฯ วางมาตรการทุกเรื่องยกเว้นเรื่องวัคซีน

05 พฤษภาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ชูวิทย์" จวกนายกฯ หลังออกมาตรการเยียวยาโควิด ชี้มีทุกเรื่องแต่ไม่มีเรื่องวัคซีนทั้งๆที่เป็นวาระแห่งชาติ ต่างกับ "โจ ไบเดน" ผู้นำสหรัฐ ที่ดำรงตำแหน่งมาแค่ 100 วันแต่เร่งฉีดวัคซีนประชาชนทั่วประเทศ เพื่อหวังให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นโดยเร็ว

5 พฤษภาคม 2564 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง "ภาวะผู้นำที่แตกต่าง" โดยระบุว่า...
ลูกผมคนนึงอยู่ที่อเมริกา เดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต เซฟเวย์ ( Safe Way Supermarket ) ถนนมารีน่า ที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียมีร้านขายยาอยู่ในนั้น เดินดุ่ยๆ เข้าไปบอกว่า ขอฉีดวัคซีนโควิด-19เขาก็รีบจัดให้เลยครับ ไม่ต้องถามไถ่อะไร หรือขอตรวจบัตรประชาชน พาสปอร์ตให้มากเรื่องฉีดเสร็จ ก็ให้บัตรฉีดวัคซีนใบนี้มาเก็บไว้ นัดฉีดครั้งต่อไปอีก 3 อาทิตย์ข้างหน้าฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายแม้แต่เหรียญเดียว ไม่ต้องนั่งรอ ไม่ต้องตรวจหลักฐานสอบประวัติให้วุ่นวายประธานาธิบดี "ไบเด็น" ออกข่าวเช้าเย็นเรื่อง วัคซีน นี่เพิ่งออกข่าวสดๆ ร้อนๆ เพิ่มมาตรการกระตุ้นให้ฉีดวัคซีนมากกว่า 70% ภายในวันชาติอเมริกา 4 กรกฎาคมตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งผู้นำ ไบเด็นตั้งหน้าตั้งตาฉีดวัคซีนให้มากที่สุด เพราะรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญสุด มีผลต่อเศรษฐกิจประเทศและขวัญกำลังใจของประชาชนแต่ผู้นำไทยอยู่มานานกับโควิด ฉีดได้ถึงวันนี้แค่ 1,500,000 โดส เท่านั้นเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับว่าประเทศอเมริการ่ำรวยกว่าประเทศไทยแต่อยู่ที่วิสัยทัศน์ของความเป็นผู้นำที่แตกต่างกันไบเด็นอยู่มาแค่ 100 วัน ก็ทำให้เห็นจริงแล้วว่าฉีดได้มาก ฉีดได้เร็ว เอาเรื่องวัคซีนก่อนเรื่องอื่นๆ เพราะเห็นถึงความสำคัญของเรื่องนี้หากวัคซีนฉีดทั่วถึง เศรษฐกิจย่อมกลับมาฟื้นเร็วนี่คือเหตุผลที่คนไทยไม่เชื่อมั่นท่านนายกฯ ที่บอกว่าจะฉีด 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปี ว่าจะทำได้จริงประเทศไหนๆ ในโลกก็ล้วนมีข้อดีข้อเสียกันทั้งนั้น แต่เรื่องวัคซีนที่อเมริกาดำเนินการได้รวดเร็ว และฉีดให้หมดทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนทั้งคนอเมริกาเจ้าของประเทศ หรือนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียน แม้กระทั่งพวกหนีเข้าเมืองคนเม็กซิโก ก็แห่กันมาฉีดเหมือนกันเพราะเชื้อโควิดมันแพร่ติดกันได้โดยไม่แบ่งสัญชาติและเขายึดนโยบายหลักสำคัญว่า ต้องสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ภายในประเทศให้เร็วที่สุดแต่ในเมืองไทย คนต่างชาติ ต่างด้าว ก็เข้าชื่อฉีดในแอพ "หมอพร้อม" ไม่ได้ จะฉีดได้เฉพาะคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงเท่านั้นเมื่อเขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับคนไทย แล้วจะไม่ให้เขาฉีดได้ยังไง?ส่วนบรรดาเจ้าหน้าที่สถานฑูตประเทศต่างๆ ในเมืองไทย ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นา กันได้หมด เอาเข้าไทยมาชิวๆ แต่คนไทยได้เฉพาะของห่วย ของช้า ของน้อยเรื่องนี้จึงต้องยอมรับ อะไรที่ต่างประเทศเขาทำได้ดีกว่าก็น่าชื่นชม และเอาอย่างเขาดีกว่าไม่ใช่ยืนกรานหัวชนฝาว่า ตัวเองต้องถูกต้องดีเสมออย่างอาจารย์เพี้ยน ที่ออกมาพูดตอบโต้เรื่องคนอยากย้ายประเทศว่า อย่าไปอยู่อเมริกาเลย เพราะเวลาหนาวจับลูกบิดประตูแล้วมันเย็น ทำให้คิดถึงเมืองไทย เลยอยากกลับมาอยู่นี่มันโง่ หรืออะไรกันวะกับตรรกะแบบนี้? ยิ่งทียิ่งเพี้ยนเข้าไปทุกวันประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่เอกชนจะซื้อวัคซีนเองก็ไม่ได้ ต้องซื้อผ่านรัฐเท่านั้นก็ตอนเขาแห่ซื้อวัคซีนกันทั่วโลก เราก็เล่นตัว จะยืนกรานใช้อยู่ 2 ยี่ห้อ เจ้าอื่นไม่เอา ไม่คิดหาทางเลือกเผื่อเหลือเผื่อขาดเอาไว้บ้างเลยเมื่อเอกชนรายใดทำได้ ต้องสนับสนุนเขา ช่วยกันคนละไม้คนละมือ อย่ารวบอำนาจเด็ดขาดไว้ที่รัฐฝ่ายเดียวนายกฯ เป็นหัวหน้าทุกหน่วยที่ตั้ง ไม่ว่า ศบค. ใหญ่ เล็ก ย่อย เหมาเอาหมด แล้วจะไหวหรือลุงตู่?พอมีคลัสเตอร์ที ก็สะดุ้งที ออกข่าวรายวันว่าเจรจาได้ยี่ห้อนั้น ยี่ห้อนี้ แต่ไม่บอกว่าได้เมื่อไหร่ หรือได้แค่วัคซีนลมปาก?นี่นายกฯ ลุงตู่ ว่าจะฉีดได้เป็น 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ แต่รายละเอียดเรื่องสำคัญอย่างนี้ไม่มีบอกโถๆ นี่มันยังไม่ถึงกลางปีดีเลยนะครับ อีกตั้งครึ่งปีกว่า ตายกันรายวัน โรงพยาบาลเตียงเต็ม ห้องไอซียูล้น หมอพยาบาลทำงานไม่ได้หยุดได้หย่อนหาก 100 ล้านโดส ฉีดกันวันละ 500,000 โดส จะใช้ใครฉีดที่ไหน อย่างไร บอกแผนมาหน่อย คนเป็นล้านๆ จะเอาบุคคลากรจากไหนมาฉีด?ไม่ใช่บอกแค่ ปลายปีฉีดได้ 100 ล้านโดส จบไม่มีแผนอะไรล่วงหน้าสักกะผีก มีแต่แผนฝอยว่าจะเปิดประเทศอย่างโน้นอย่างนี้ คาดว่าเราจะสามารถกลับมาได้เหมือนเดิมอย่างรวดเร็ววันนี้รัฐบาลทยอยออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพ ระยะสั้น ระยะยาว สินเชื้อ พักชำระหนี้ ลดค่านำ้ ค่าไฟ แจกเงินโครงการเราชนะ เรารักกัน เพิ่มเงินสวัสดิการแห่งรัฐ สานต่อโครงการคนละครึ่ง เพิ่มโครงการใหม่ ยิ่งใช้ยิ่งได้ เป็นแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจล่าสุดแต่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องวัคซีนสักแอะทั้งๆ ที่ "วาระแห่งชาติคือวัคซีน""สุขภาพ" และ "เศรษฐกิจ" ต้องไปควบคู่กันทั้งสองด้าน ถึงจะเติมเงินเข้าไปไม่ว่าสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อประชาชนอยู่ในภาวะหวาดกลัวภัยโควิด การค้าธุรกิจก็ซบเซา ประชาชนหมดขวัญกำลังใจ ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไรแล้วครับ เพราะห่วงแต่เรื่องโควิดเงินที่รัฐแจกมา มันจะพอใช้ไปได้สักกี่มื้อ?คำถามเดิมๆ ที่นายกต้องตอบให้ชัด คือ เรื่อง "วัคซีนโควิด"มาเร็วเท่าไหร่? ฉีดได้มากเท่าไหร่? มันคือสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด ณ ขณะนี้ไม่ใช่เอาเงินปิดปากอย่างเดียว แต่เรื่องวัคซีนยังคงอึมครึม ไม่ชัดเจนเหมือนเดิมท่านบอกตอนจบวันนี้ว่า "ผมจะไม่ท้อถอย ไม่ท้อแท้"แต่เรียนตามตรง "ประชาชนทั้งท้อถอย และท้อแท้กับท่านมานานแล้วครับ"

logoline