svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เจาะประเด็นร้อน

ผ่าประเด็นชี้ชะตา "ธรรมนัส" ผงาดต่อ...หรือส่อร่วง?

05 พฤษภาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

วันนี้ต้องจับตาอนาคตทางการเมืองของ "ผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คีย์แมนคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้นัดอ่านคำวินิจฉัยคดีคุณสมบัติการเป็น ส.ส. และรัฐมนตรี หลังจากฝ่ายค้านยื่นคำร้องให้ชี้ขาดสมาชิกภาพของผู้กองธรรมนัส จากข้อกล่าวหาว่าเขาเคยต้องคำพิพากษาเกี่ยวกับคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย

คดีนี้สืบเนื่องจาก ส.ส.ของพรรคก้าวไกล 51 คน ยื่นเรื่องต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพ ส.ส.ของ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(10) หรือไม่ รวมถึงคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของผู้กองธรรมนัส ต้องสิ้นสุดตามไปด้วยหรือไม่
ข้อกล่าวหาของพรรคก้าวไกล มาจากการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 63 (ปีที่แล้ว ซึ่งผู้กองธรรมนัสได้คะแนนไว้วางใจต่ำที่สุด) โดยฝ่ายค้านได้นำหลักฐานมาแฉกลางสภาว่า ศาลออสเตรเลียได้มีคำพิพากษาเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2537 ว่าผู้กองธรรมนัส หรือชื่อในขณะนั้นว่า "มนัส โบพรหม" หรือ "มนัส โบกพรหม" มีความผิดฐานนำเข้าและค้ายาเสพติด พิพากษาจำคุก 6 ปี แต่จำคุกจริง 4 ปี ก่อนถูกเนรเทศกลับประเทศไทย จึงมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรี ตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ
สำหรับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องตามที่ฝ่ายค้านยื่นคำร้อง และศาลรัฐธรรมนูญจะนำมาวินิจฉัย ประกอบด้วย
มาตรา 101 (6) สมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลงเมื่อมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98
ย้อนไปดูมาตรา 98 พบว่า วงเล็บ 10 บัญญัติตอนหนึ่งว่า เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า
หาก "ผู้กองธรรมนัส" มีลักษณะต้องห้ามในเรื่องนี้ ก็จะขาดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. และพ้นจากการเป็นรัฐมนตรีทันที เนื่องจากมาตรา 160(6) ระบุว่า คุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 เช่นเดียวกัน / หากขาดคุณสมบัติข้อนี้ ผู้ที่เป็นรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่เป็นการเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170

ผ่าประเด็นชี้ชะตา "ธรรมนัส" ผงาดต่อ...หรือส่อร่วง?

สำหรับคำชี้แจงของผู้กองธรรมนัส ที่เคยชี้แจงต่อสภา และส่งคำชี้แจงให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็คือ
1. ตัวผู้กองธรรมนัสไม่เคยถูกดำเนินคดียาเสพติดในประเทศออสเตรเลีย เพราะสิ่งที่ตำรวจออสเตรเลียจับกุมและยึดเป็นของกลางนั้น "มันคือแป้ง" (วลีนี้กลายเป็น "วลีเด็ดแห่งปี" ที่สื่อมวลชนสายการเมืองลงคะแนนกันเมื่อปีที่แล้ว)
2. สาเหตุที่ถูกจับเพราะความเข้าใจผิด และเขามีสถานะเป็นพยาน
3. คำสารภาพของผู้กองธรรมนัส ไม่เคยยอมรับว่าค้ายาเสพติด หรือขนยาเสพติด แต่ด้วยความที่ตนยังเยาว์วัย จึงยอมเข้ากระบวนการต่อรองคำรับสารภาพ หรือ plea-bargaining (พลี-บาร์เกนนิ่ง)
4. ผู้กองธรรมนัสยืนยันว่าไม่เคยติดคุกที่ออสเตรเลีย แต่เป็นการไปทำงานบำเพ็ญประโยชน์ คล้ายๆ ถูกคุมประพฤติ
5. ไม่เคยถูกเนรเทศออกจากออสเตรเลีย แต่สมัครใจกลับเองหลังทำงานได้ 4 ปี
สำหรับประเด็นข้อเท็จจริงประกอบข้อกฎหมายที่ศาลต้องวินิจฉัยในคดีนี้ ประกอบด้วย
1. บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญว่าด้วยลักษณะต้องห้ามการลงสมัคร ส.ส. ที่ห้ามบุคคลที่เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ไม่มีสิทธิ์ลงสมัคร ส.ส. ถ้าเป็น ส.ส.อยู่ให้ขาดสมาชิกภาพ รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยนั้น / หมายถึงคำพิพากษาเฉพาะศาลไทย หรือรวมถึงศาลต่างประเทศด้วย
ถ้าศาลมองว่า บทบัญญัตินี้ใช้บังคับเฉพาะศาลไทย คำร้องขอฝ่ายค้านก็จะตกไปทันที ไม่จำเป็นต้องพิจารณาต่อว่าผู้กองธรรมนัสเคยกระทำผิดจริงหรือไม่ ศาลออสเตรเลียเคยพิพากษาจริงหรือเปล่า
2. หากศาลเห็นว่า บทบัญญัติว่าด้วยลักษณะต้องห้ามการลงสมัคร ส.ส. ต้องครอบคลุมไปถึงคนที่โดนศาลในต่างประเทศตัดสินด้วย ก็ต้องพิจารณาในรายละเอียดต่อไปว่า
- คดีที่ผู้กองธรรมนัสถูกจับกุมและดำเนินคดี กระทั่งศาลมีคำพิพากษา เป็นคดียาเสพติดหรือไม่ เพราะผู้กองธรรมนัสอ้างว่าเป็นความเข้าใจผิด ความจริง "มันคือแป้ง"
- ถ้าเป็นคดียาเสพติด ยังต้องดูต่อไปว่า เป็นความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้าด้วยหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติเงื่อนไขเอาไว้แบบนี้ ขณะที่ผู้กองธรรมนัสอ้างว่าเขาไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ถูกจับเพราะความเข้าใจผิด และเป็นพยานเท่านั้น
- ถ้าเข้าข่ายทั้ง 2 ประเด็นนี้ ก็มีแนวโน้มที่ศาลจะชี้ว่า ผู้กองธรรมนัสขาดจากสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.
หากศาลวินิจฉัยว่า ผู้กองธรรมนัส ขาดคุณสมบัติ ต้องถือว่าส่งผลสะเทือนทางการเมืองสูงทีเดียว โดยเฉพาะกับรัฐบาล เพราะผู้กองธรรมนัสคือคีย์แมนคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล ทำงานให้ "บิ๊กป้อม" พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ถึงกับที่ "บิ๊กป้อม" เคยขนานนามว่า "คุณคือทหารเอกของผม" ซึ่งหมายถึง ผู้กองธรรมนัส กับ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล / โดย ผู้กองธรรมนัส มีบทบาทสูงในการดูแลและควบคุมพรรคเล็ก ตลอดจนกลุ่มก๊วนทางการเมืองต่างๆ โดยใช้วิธีการที่ผู้กองธรรมนัสเรียกเองว่า "แจกกล้วยให้ลิง" เพราะมีสถานะเป็น "คนเลี้ยงลิง"

ผลงานของผู้กองธรรมนัส ถือว่าโดดเด่น ควบคุมพรรคเล็กและกลุ่มก๊วนการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐได้อยู่หมัด แม้จะไม่ 100% ก็ตาม แต่ก็เรียกว่าคุยได้ เจรจาได้ มีบารมีระดับหนึ่งเลยทีเดียว ขณะที่เจ้าตัวยังอาสาเป็นแม่ทัพคุมเลือกตั้งซ่อมหลายสนาม และคว้าชัยได้ทุกสนาม โดยเฉพาะสนามล่าสุด เลือกซ่อมนครศรีธรรมราช เขต 3 ที่เบียดชนะประชาธิปัตย์เจ้าของพื้นที่เดิมได้สำเร็จ เพิ่มแต้มบนสกอร์บอร์ด ส.ส.ให้กับพรรคพลังประชารัฐมาหลายแต้มแล้ว
ด้วยผลงานระดับนี้ ทำให้ "ผู้กองธรรมนัส" ได้รับความไว้วางใจจาก "บิ๊กป้อม" ที่จะผลักดันให้ขึ้นเป็น "เลขาธิการพรรค" ซึ่งหากได้ขึ้นเป็นเลขาฯพรรคจริง ก็อาจได้ขยับตำแหน่ง ผงาดขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ เพื่อให้สมฐานะแม่บ้านพรรคแกนนำรัฐบาลด้วย
ฉะนั้น หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าผู้กองธรรมนัส ขาดสมาชิกภาพ ต้องพ้นจาก ส.ส.และรัฐมนตรี ก็จะเป็นการดับฝันของผู้กองคนดัง อาจถึงขั้นหมดอนาคตทางการเมือง และสะเทือนเสถียรภาพของรัฐบาลไม่น้อยเลย
แต่ถ้าคำวินิจฉัยออกมาเป็นบวก โอกาสที่เขาจะผงาดขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค และรัฐมนตรีว่าการ นำทัพพลังประชารัฐลุยเกมสภา รวมไปถึงศึกเลือกตั้งครั้งหน้า ย่อมมีสูงทีเดียว
สำหรับประวัติ ร้อยเอก ธรรมนัส สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 25 (โรงเรียนรวมเหล่า) และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 36 รุ่นเดียวกับ พลเอก ร่มเกล้า ธุวธรรม
ส่วนชีวิตราชการ ร้อยเอก ธรรมนัส เคยถูกถอดยศมาแล้วถึง 2 ครั้ง และทำเรื่องกลับเข้ารับราชการใหม่ได้ทั้ง 2 ครั้ง โดยก่อนเริ่มต้นชีวิตการเมือง ยังเคยเปิดบริษัทเกี่ยวกับงานด้านรักษาความปลอดภัย รวมถึงยังเคยเป็นประธานสโมสรฟุตบอลพะเยาเอฟซี
เส้นทางการเมืองของ ร้อยเอก ธรรมนัส เริ่มต้นกับพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2542 จากนั้นในปี 2557 ลงสมัคร สส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ในนามพรรคเพื่อไทย แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ กระทั่งปี 2561 หลัง คสช.ควบคุมอำนาจการปกครอง และเตรียมจัดการเลือกตั้งใหม่ ผู้กองธรรมนัสจึงมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยลงสมัคร ส.ส.พะเยา เขต 1 และสามารถเอาชนะแชมป์เก่าอย่างพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมไปได้ กระทั่งได้ลิ้มรสการเป็นผู้แทนสมัยแรก และได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีทันที แถมยังมีอนาคตสดใสรออยู่
ต้องลุ้นว่าวันนี้ ผู้กองธรรมนัสจะได้ไปต่อ หรือส่อร่วง!

logoline