เมื่อวันที่ 19 ส.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลนางรอง ว่ามีผู้ป่วยที่เข้าไปรักษาตัว พกพาอาวุธปืนติดตัวไปด้วยเกรงจะเกิดความไม่ปลอดภัย ทั้งกับเจ้าหน้าที่และผู้มาใช้บริการในโรงพยาบาล
จากนั้น ร.ต.อ.วรานนท์ อุ้มรัมย์ รอสารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.นางรอง จึงพร้อมด้วยสายตรวจ 191 และเจ้าหน้าที่ รปภ. ของโรงพยาบาล ก็ได้เข้าไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้งเหตุ โดยผู้ป่วยรายดังกล่าว ชื่อนายแดง (นามสมมติ) อายุ 58 ปี รักษาตัวอยู่ที่อาคาร 5 ชั้น 3 แผนก หู คอ จมูก เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบที่เตียงและสิ่งของของผู้ป่วยรายดังกล่าว แต่ไม่พบอาวุธปืน มีเพียงกระสุนปืนจำนวน 5 นัด ในกระเป๋าสะพายที่เพื่อนของผู้ป่วยสะพายอยู่
จากการสอบถามนายแดง ผู้ป่วยที่เข้ามารักษาตัว ยอมรับว่าตัวเอง เป็นเจ้าของปืนพกสั้น ชนิดลูกโม่ .38 และนำปืนมาด้วยจริง พร้อมนำเอกสารใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนสำหรับป้องกันตัวหรือทรัพย์สิน ออกมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูเพื่อยืนยันว่าเป็นปืนที่มีใบอนุญาตถูกต้อง ทั้งอ้างว่าไม่มีเจตนาที่จะพกเข้ามาในโรงพยาบาล แต่ตอนเช้าวันนี้ตนได้เดินทางไปทำบุญไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่ง ในอำเภอประโคนชัย ก่อนจะมาตรวจอาการป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ ที่ รพ.นางรอง ตามแพทย์นัดในช่วงบ่าย โดยไม่ทราบว่าหลังตรวจเสร็จแพทย์จะได้นอนดูอาการ แต่พอแพทย์แจ้งว่าให้นอน รพ. จึงได้โทรศัพท์ไปบอกเพื่อนที่ อ.ปะคำ ให้ช่วยมาเอาปืนที่ รพ.ไปเก็บไว้ที่บ้านให้ด้วย
จากนั้นเพื่อน 2 คน ก็เดินทางมาเอาปืนที่ รพ. ในขณะที่หยิบปืนให้เพื่อน พยาบาลก็มองเห็นขณะส่งปืนให้เพื่อนพอดีก็อาจจะตกใจและเข้าใจผิด คิดว่าจะปืนมาทำอะไรหรือไม่ โดยเพื่อนคนที่มาเอาปืนได้เดินทางกลับไปบ้านแล้ว แต่ยังเหลือกระสุนปืน 5 นัด ที่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายก็ได้ฝากไว้กับนายธวัชชัย (ขอสงวนนามสกุล) เพื่อนอีกคนที่มาด้วย
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ จึงได้ให้นายธวัชชัย คนที่สะพายกระเป๋าที่มีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋าพาไปตรวจค้นที่รถยนต์ ซึ่งจอดอยู่ที่ลานจอด แต่ก็ไม่พบอาวุธปืนหรือสิ่งผิดกฎหมายแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ควบคุมตัวนายธวัชชัย ผู้ที่สะพายกระเป๋าและมีกระสุนปืนในกระเป๋า ไปสอบสวนและส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ในข้อหา "พกพาเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยผิดกฎหมาย"