โดยแม่ค้าขายขนมจีบ เล่าว่าเป็นผู้ที่ตกอยู่ในกระแสข่าวจริง ที่รับขนมจีบมาจากผู้ผลิตรายหนึ่งในเขตพื้นที่ต.เกาะไร่ ในช่วงเช้าวันละประมาณ 15 กล่อง ช่วงเวลาประมาณ 06.30 น.มาขายที่จุดขายประจำในบริเวณหน้าวัดเทพราช ใกล้กับบ้านพักจากนั้นหากยังมีขนมจีบเหลือจากขายที่หน้าวัดอยู่ ก็จะนำออกไปเร่ขายตามบ้านคนและตามบ่อตกปลาต่างๆ ทั่วไป ทั้งในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา และสมุทรปราการซึ่งเป็นบริเวณเขตแนวรอยต่อจังหวัดกัน ประมาณช่วงเที่ยงหรือบ่ายๆ ก็จะขายหมดโดยที่ตนเองจะไม่ได้เปิดกล่องสัมผัสกับเนื้อขนมจีบเลยเพราะทางร้านเขาจะแพ็คใส่กล่องมาอย่างดี รวมทั้งน้ำจิ้มด้วยจึงอยากวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อนว่าขนมจีบที่ตนนำไปขายนั้น เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลังจากการบริโภคเข้าไปแล้วหรือไม่ เพราะตนรับขนมจีบจากผู้ผลิตรายนี้มาขายนานเป็นปีแล้ว
นอกจากนี้เขายังส่งไปขายหลายแห่ง ทั้งตามโรงงานและร้านค้าต่างๆ ทั่วไป ก็ยังไม่พบว่ามีผู้ที่บริโภคแล้วเกิดอาการท้องเสียดังกล่าวและหากขนมจีบที่ตนนำไปขายนั้น เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกิดขึ้นจริงตนต้องขอโทษต่อคนในสังคม คนที่ต้องเข้านอนยังในโรงพยาบาลและครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตด้วย เพราะตนไม่ได้เป็นผู้ผลิตเองและไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นซึ่งตนเพิ่งทราบเรื่องที่เกิดขึ้นโดยขนมจีบที่ขายราคาเพียงชุดละ 30 บาทในวันเกิดเหตุได้ไปรับขนมจีบมาขายตามปกติ 15ชุด และเมื่อมีขนมจีบเหลือขายจากหน้าวัดจึงได้นำออกไปเร่ขายพร้อมกันกับสินค้าชนิดอื่นๆ เช่น สาคู และข้าวกล่องด้วยทั้งยังเป็นการขายแบบวันต่อวันเพียงไม่กี่ ชม. ก็หมดไม่ได้มีการเก็บไว้ขายข้ามคืนแต่อย่างใด
ในเบื้องต้นทาง สำนักงานสาธารณสุข จ.ฉะเชิงเทราได้ประสานพูดคุยมาบ้างแล้ว และจะให้พาไปตรวจสอบยังแหล่งผลิตขนมจีบแห่งนี้ด้วยในช่วงบ่ายของวันนี้ ส่วนทางร้านที่ตนรับขนมจีบมาได้ทราบเรื่องแล้วและยังไม่พบว่ามีผู้ที่ซื้อขนมจีบและรับไปขายในวันเดียวกันกับตนมีอาการตามที่ตกเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ แม่ค้าขนมจีบผู้ที่ตกเป็นจำเลยสังคมเผย
อ่านข่าวต่อได้ที่:เจอตัวแล้ว!! "แม่ค้าขนมจีบมรณะ"