รายงานจากฝ่ายความมั่นคง และศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาล ระบุว่า สถานการณ์ที่เป็นข้อกังวลของการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ คือการเดินทางกลับเข้าไทยหลังร่วมกิจกรรมทางศาสนาจากอินโดนีเซีย ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก และระหว่างการกักตัวตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขตามภูมิลำเนา พบว่าหลายคนยังไม่ตระหนักถึงการปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัดตามข้อกำหนด ทำให้เป็นกลุ่มเสี่ยงหลังจากนี้จึงต้องพิจารณาเตรียมความพร้อมรองรับการเดินทางกลับของกลุ่มผู้ร่วมกิจกรรมทางศาสนา ซึ่งยังมีอีกใหญ่อีกกลุ่มหนึ่งคือที่ประเทศอินเดีย รวมถึงกลุ่มนักศึกษาอิหร่านที่เตรียมจะเดินทางกลับประเทศไทยหลังการเปิดสนามบินในวันที่ 18 เม.ย.นี้ด้วย นอกจากนั้นยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ฝ่ายความมั่นคงกำลังจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งนับเป็นกลุ่มที่ 4 คือกลุ่มที่ลักลอบข้ามแดนผ่านช่องทางธรรมชาติในภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดนราธิวาส และสงขลา ซึ่งกลุ่มนี้ยอมโดนจับกุม เพราะโทษแค่ปรับ (เนื่องจากเป็นคนไทย) แต่ก็ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19
ส่วนกลุ่มที่เดินทางกลับจากมาเลเซียโดยผ่านด่านถาวรก็มีด้วยเช่นกัน อย่างที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีหนังสือด่วนจากผู้ว่าราชการจังหวัด ถึงนายอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช นายอำเภอพรหมคีรี นายอำเภอท่าศาลา และนายอำเภอชะอวด เพื่อให้ติดตามตัวผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย ผ่านทางด่านถาวรสะเดา อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จำนวน 10 คน และมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อนำตัวทั้ง 10 คนมาเข้าสู่กระบวนการกักกัน สังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน ที่ศูนย์กักกันของจังหวัด หรือ local quarantine ซึ่งใช้ศูนย์พัฒนาการสาธารณสุขมูลฐานภาคใต้ ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เป็นสถานที่กักกันตัว