ที่บอกว่าเป็นมาตรการชุดที่ 3 เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ออกนโยบายมาแล้วหลายอย่าง เช่น จ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาทต่อคนต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน รวม 15,000 บาท , การพักชำระหนี้ ต่างๆ เป็นต้น
แต่.. ดูเหมือนว่า วิกฤตโควิด-19 จะไม่ยอมคลี่คลายลงง่ายๆ
กลับมาที่การออก พ.ร.ก. 3 ฉบับ
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี ได้ประชุมร่วมกับ ผู้ว่าการแบงค์ชาติ คุณวิรไท สันติประภพ จนมีมติว่า ที่ประชุม ครม.นัดพิเศษ เห็นชอบการออก พ.ร.ก. 3 ฉบับ ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (แบงค์ชาติ) 2 ฉบับ และกระทรวงการคลัง 1 ฉบับ ประกอบด้วย
1.พ.ร.ก.ให้อำนาจแบงค์ชาติปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ต่ำมาก) หรือซอฟต์โลน
2.พ.ร.ก.ให้อำนาจ แบงค์ชาติเข้าไปซื้อตราสารหนี้เอกชน (หุ้นกู้ต่างๆ)
3.พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน
ผู้ที่ออกมาแถลงเรื่องนี้คือ หัวเรือใหญ่ทีมเศรษฐกิจ รองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
โดยมาตรการทางการคลังทั้งหมดในชุดนี้ คาดว่าจะใช้วงเงินรวมประมาณ 10% ของจีดีพี ถือเป็นวงเงินที่ใกล้เคียงกับประเทศอื่น ครอบคลุมการดูแลทั้งประชาชน และภาคธุรกิจ
ในขณะที่ขุนคลัง อย่าง อุตตม สาวนายน ยืนยันว่า 10% ของ จีดีพี ไม่ได้มาจากการกู้ทั้งหมด แต่ต้องพิจารณาเงินจากงบประมาณก่อน หมายถึงว่า ถ้างบประมาณใช้ได้ดี การออก พ.ร.ก.กู้เงิน ก็อาจจะไม่ใช่ 10% ของ จีดีพี.
ส่วนมาตรการเยียวยาชุดที่ 3 จะครอบคลุมช่วงเวลา 6 เดือน ประกอบด้วย
1. เยียวยาภาคประชาชน ด้วยการลดภาระสินเชื่อจากสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์เพิ่มเติม
2. ดูแลกิจกรรมทางเศรษฐกิจช่วงหยุดชะงัก โดยภาครัฐจะเร่งลงทุนเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ
3. ดูแลสภาพคล่องของผู้ประกอบการ ผ่านช่องทางของแบงค์ชาติ เช่น
- พักเงินต้นและดอกเบี้ย ครอบคลุม SME ขนาดใหญ่ขึ้น โดยแบงค์ชาติ จะขอออก พ.ร.ก. เพื่อออกซอฟท์โลนปล่อยสินเชื่อได้เอง คล้ายตอนน้ำท่วมใหญ่
- ขอออก พ.ร.ก. เพื่อซื้อตราสารหนี้
-ขอขยายเวลาคุ้มครองเงินฝากจากที่จะลดเหลือ 1 ล้าน ใน ส.ค. 63 เป็น ส.ค. 64 (จากเดิม 5 ล้าน)
นี่เป็นมาตรการคร่าวๆ ที่เคาะออกมาจากที่ ประชุม ครม.นัดพิเศษ เมื่อวันศุกร์ รับหลักการเรียบร้อย และมอบหมายให้ คลัง กับ แบงค์ชาติ ไปเตรียมรายละเอียด แล้วเสนอเข้าที่ประชุม ครม. อังคารที่จะถึงนี้อย่างที่บอกไป.. นี่เป็นมาตรการชุดที่3 แล้ว ที่ภาครัฐเข็นออกมาสู้กับวิกฤตโควิด-19 และเชื่อว่า คงไม่ได้เป็นมาตรการชุดสุดท้ายแน่นอน เพราะวิกฤตนี้น่าจะอยู่กับเราไปอีกนาน (ครึ่งปีเป็นอย่างน้อย)
ส่งกำลังใจให้เหล่าคีย์แมนที่เกี่ยวข้องทุกคน ถ้าทำดี แก้ปัญหาได้เร็วตรงจุด คงจะซื้อใจคนได้ไม่ไม่ยาก แต่ถ้าออกมาตรงกันข้าม บอกได้คำเดียวว่า สู่ขิตแน่นอน..